สื่อจีนรายงาน (29 เม.ย.) ว่าคณะกรรมาธิการประจำภูมิภาค ได้ประกาศเกียรติคุณ และมอบบำเหน็จแก่ คนงานและเจ้าหน้าที่ตำรวจชาวอุยกูร 15 คน ที่เสียชีวิต
ในฐานะเป็นวีรบุรุษ โดยคณะกรรมาธิการระบุว่า ในจำนวนผู้สละชีพ 15 คนนี้ มี 10 คนทีเป็นชาวอุยกูร 3 คนเป็นชาวฮั่น กับอีก 2 คน เป็นชาวมองโกเลีย มี 7 คนได้รับแต่งตั้งให้เป็น สมาชิกพรรคฯ ผู้มีผลงานโดดเด่น
นูร เบครี กรรมาธิการภูมิภาค กล่าวในพิธีประกาศเกียรติคุณ ว่า มูลเหตุพื้นฐานสำคัญของการก่อการร้ายไม่ใช่เรื่องของชนกลุ่มน้อย หรือความขัดแย้งทางศาสนา แต่เป็นความต้องการก่อให้เกิดความแตกแยก จนนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน
เป็นประเด็นการเมือง ซึ่งขยายผล เพื่อก่อให้เกิดความรุนแรงจนถึงขั้นทำลายความเป็นเอกภาพของชาติ ซึ่งประเด็นอย่างนี้ รัฐบาลจะไม่มีวันร่วมโต๊ะเจรจา หรือยอมอ่อนข้อประนีประนอม โดขจะยังต้องยืนหยัดต่อสู้กับ กลุ่มก่อการร้ายที่มีการทำงานเป็นระบบเพื่อวัตถุประสงค์ แบ่งแยกชนพื้นเมือง อย่างสุดโต่ง และใช้ความรุนแรง
เบครี ยังกล่าวว่า ผู้ก่อการร้าย ได้ก่อเหตุเมื่อวันที่ 23 เมษายน ที่ผ่านมา ในเมืองปาชู คาชการ์ ห่างจากเมืองอูลุ่มู่ฉี ศูนย์กลางของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ไปราว 1,200 กิโลเมตร และแม้ว่าเหตุการณ์ได้สงบลงแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจวางใจ เพราะเป็นเหตุเตรียมการก่อการร้ายที่เกิดจากการประสานเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งสะท้อนว่ายังคงมีกลุ่มฯ ที่มีความพยายามแบ่งแยกดินแดนฯ
ความรุนแรงจากการปะทะกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายครั้งล่าสุด ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 21 คน เป็นผู้ก่อการร้าย 6 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กับชาวบ้านคนงานเสียชีวิตรวม 15 คน ขณะที่สามารถจับเป็นคนร้ายได้ 8 คน และล่าสุดสำนักข่าวซินหวา รายงานว่า เจ้าหน้าที่ฯ ได้ขยายผลติดตามจับกลุ่มผู้ก่อการร้ายได้เพิ่มอีก 11 คน หลังหลบหนีไปได้ 6 วัน
เอนวาแอร์ เอท ซึ่งสูญเสียทั้งลูกชาย และพี่ชายในเหตุการณ์นี้ กล่าวว่า เป็นความสูญเสียใหญ่ของครอบครัว และตนเสียใจกับการกระทำต่อผู้บริสุทธิ์ และว่า ลูกชายของเขานั้น ได้หมั้นหมายและจะเข้าพิธีวิวาห์ในวันที่ 25 เมษายนนี้ ขณะที่หลานเล็ก ๆ ของเขา 2 คน ก็ยังไม่เชื่อว่าพ่อของเขาเสียชีวิตขณะที่ รายงานข่าวระบุว่า ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 เสียชีวิตในกองเพลิง หลังคนร้ายเผาบ้านหลังหนึ่ง และได้รับการพิสูจน์ยืนยันบุคคล ด้วยวิธีตรวจดีเอ็นเอ เมื่อวันที่ 26 เมษายน
ซีลีอา ฮัตตัน ผู้สื่อข่าวต่างประเทศของบีบีซี กล่าวว่าเวลานี้ยังคงไม่สามารถรายงานข้อเท็จจริงโดยตรงจากพื้นที่เกิดเหตุได้ รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับคนร้ายและผู้เสียชีวิตทั้งหมด
เนื่องจากยังต้องประสานขออนุญาตจากทางการท้องถิ่น โดยหน่วยงานสารสนเทศจีน ได้เตือนแหล่งข่าวในประเทศเกี่ยวกับการเสนอข่าวที่อ่อนไหวกับความมั่นคงในประเทศ และได้ตรวจสอบข่าวสารก่อนที่เผยแพร่ออกไป
ทั้งนี้ เหตุจลาจลจากการต่อสู้กันระหว่างชาวจีนเชื้อสายฮั่นกับชนกลุ่มน้อยเชื้อสายอุยกูร์ ในเมืองอูหลู่มู่ฉี เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2552 ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮั่น
นอกจากนั้น การพยายามจี้เครื่องบินโดยสารเมื่อปี พ.ศ. 2555 ยังมิใช่เป็นความพยายามครั้งแรกของผู้ก่อการร้าย โดยกระทรวงพิทักษ์สันติราษฎร์ระบุว่า หญิงสาวชาวอุยกูร์ผู้หนึ่งสารภาพว่า เมื่อเดือน มี.ค. 2552 ได้พยายามระเบิดเครื่องบินโดยสาร ซึ่งบินจากเมืองอู๋หลู่มู่ฉี โดยตนสามารถหลอกลวงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย นำวัตถุระเบิดขึ้นไปบนเครื่องบินได้สำเร็จ