การที่เราเกิดมาในโลกนี้ และต้องพบกับปัญหา ความหงุดหงิดใจ ความรำคาญใจ ความผิดหวัง ในเรื่องต่างๆ มากมาย และบ่อยครั้งที่เราไม่อยากต่อสู้ เหนื่อยหนาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไป ผมอยากฝากข้อคิดไว้ว่า
- สำหรับเสียงบ่นของพ่อแม่ที่อยากให้ลูกเป็นคนดี เพราะนั่นหมายถึงฉันคือคนที่พ่อแม่รักและห่วงใยที่สุดในโลก
- สำหรับคนที่เรารักแต่เขาไม่รักเรา เพราะนั่นหมายถึงฉันกำลังได้รับโอกาศในชีวิตอีกครั้งหนึ่้ง
- สำหรับสามีที่นอนกรนทั้งคืน เพราะนั่นหมายถึงเขากำลังหลับอยู่ที่บ้านกับฉันไม่ใช่กับผู้หญิงอื่น
- สำหรับลูกสาววัยรุ่นที่กำลังบ่นเรื่องล้างจานอยู่ เพราะนั่นหมายถึงเธออยู่ที่บ้านไม่ใช่บ้านคนอื่น
- สำหรับข้าวของต่างๆ ที่ต้องคอยเก็บหลังงานปาร์ตี้ เพราะนั่นหมายถึงฉันถูกห้อมล้อมด้วยเพื่อนฝูง
- สำหรับเสื้อผ้าที่พอดีจนเกือบจะคับเกินไป เพราะนั่นหมายถึงฉันมีกิน
- สำหรับพื้นที่ต้องคอยขัดถู และหน้าต่างที่ต้องทำความสะอาด เพราะนั่นหมายถึง ฉันมีบ้านอยู่
- สำหรับผ้ากองโตที่รอการซักรีด เพราะนั่นหมายถึงฉันมีเสื้อผ้าสวมใส่
- สำหรับความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทุกสิ้นวัน เพราะนั่นหมายถึงฉันยังสามารถทำงานหนักได้
- สำหรับคำบ่นด่าต่างๆ ที่มีต่อรัฐบาล เพราะนั่นหมายถึงเรามีอิสระในการแสดงความคิดเห็น
- สำหรับภาษีที่ต้องเสีย เพราะนั่นหมายถึงฉันมีงานทำ
- สำหรับที่จอดรถที่อยู่ไกลสุดของลานจอดรถ เพราะนั่นหมายถึงฉันสามารถเดินได้ และฉันมีรถขับ
- สำหรับเสียงปลุกในทุกๆ เช้า เพราะนั่นหมายถึงฉันยังมีชีวิตอยู่ และสุดท้าย...........ผมอยากจะฝากไว้ว่า
ตลอดระยะเวลาที่เราอยู่บนโลกใบนี้ไม่ว่าเราจะต้องประสบกับเหตุการณ์อะไรก็ตาม บางครั้งสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เราต้องเศร้าต้องเสียน้ำตา บ่อยครั้งที่เราท้อแท้และหมดกำลัง แต่หากเรารู้จักที่จะมองต่างมุมสำหรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้แล้ว คุณจะเข้าใจว่าทั้งหมดคือของขวัญจากพระเจ้า ที่จะช่วยสอนให้เรารู้จักตนเอง รู้จักที่จะรัก รู้จักที่จะยอมรับกับสิ่งต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ช่วยให้เรายืนได้ด้วยตนเองอย่างมั่นคง ช่วยชี้หนทางที่จะเอาชนะอุปสรรค์ทั้งหลาย และเอาชนะใจตอนเอง ดังนั้นจงรู้จักมองโลกในแง่ดีเพื่อให้พวกเราสามารถดำเนินชีวิตไปได้อย่างมีความสุข