คนชิมอาหารของ "ฮิตเลอร์" เผย ความทรงจำ ที่ถูกเก็บ มานาน

 

 

 

 

 

 

 
 
เว็บไซต์ไทม์ และ สำนักข่าวอัลจาซีรา ได้เผยแพร่บทความที่บอกเล่าถึง ประสบการณ์และความทรงจำของหญิงชราวัย 95 ปี ซึ่งเมื่อย้อนไปกว่า 5 ทศวรรษ เธอคนนี้ คือ 1 ใน 15 หญิงสาวที่ทดสอบอาหารของฮิตเลอร์ และเป็นคนเดียวที่รอดชีวิต 

 

 

 

 

คงไม่ง่ายนัก ที่อาหารแต่ละมื้อ จะเข้าสู่ปากของ "ท่านผู้นำ" อย่าง "ฮิตเลอร์"เพราะอาหารทุกๆ จาน จะต้องผ่านการ ชิม/ทดสอบ ของหญิงสาว 15 คน ผู้ซึ่งสามารถตายแทนฮิตเลอร์ได้ หากอาหารนั้นเจือด้วยยาพิษมากอท โวล์ก คือ หนึ่งในคนที่ทำหน้าที่นี้ หญิงชาวเยอรมันผู้นี้ ได้อ้างตัวว่า เป็นหนึ่งใน "คนทดสอบอาหาร" ของ อะดอล์ฟ ฮิตเลอร์ แต่ทว่าเป็นเวลามากกว่าศตวรรษที่เธอไม่ได้แพร่งพรายเรื่องเหล่านี้ออกไป นับแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะความอับอายและความกลัว ที่จะถูกฟ้อง ในฐานะที่ครั้งหนึ่งเธอได้ทำงานกับพวกนาซี แม้เธอจะยืนยันอย่างหนักแน่นว่าเธอไม่เคยเข้าร่วมพรรคนาซีก็ตาม แต่ในวันที่อีกไม่กี่เดือนก็จะถึงวันเกิดครบรอบอายุ 95 ปี ของเธอ ในที่สุดโวล์กก็ได้ตัดสินใจ บอกเล่าเรื่องราว ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไปพร้อมกับลมหายใจของเธอ เธอได้เปิดเผยเรื่องราวเป็นครั้งแรกกับนักข่าวในเบอร์ลิน และหลังจากเรื่องราวได้เผยแพร่ออกไป ความสนใจทั้งหลายก็ถาโถมใส่เธอ ในฐานะที่เป็น "ประวัติศาสตร์ ที่ยังมีชีวิต"

 

โวลก์ บอกเล่าว่า ทุกอย่าง เริ่มต้นขึ้น หลังจากที่เธอหนีออกจากเบอร์ลิน และไปอาศัยอยู่กับญาติ ทางฝั่งตะวันออกของเมืองราสเตนเบิร์ก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโปแลนด์หลังสงครามสิ้นสุด และที่นี่เอง ที่เธอได้ทำงานในฐานะผู้ทดสอบอาหารของฮิตเลอร์ เธอใช้เวลากว่า 2 ปีครึ่ง ในฐานะผู้ทดสอบอาหารของฮิตเลอร์ เพื่อให้แน่ใจว่าอาหารชุดนั้นไม่มียาพิษก่อนที่มันจะถูกเสริฟไปยัง ที่ๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็น "รังหมาป่า" (Wolf′s Lair) ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฮิตเลอร์ใช้เป็นกองบัญชาการใหญ่ทางทหารระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเล่าว่า ตลอดระยะเวลานั้น เธอไม่เคยได้พบหน้า "ฮิตเลอร์" เลย เพราะเขาค่อนข้างเก็บตัวและมีความลับ โวล์ก ได้บรรยาสภาพรอบๆ รังหมาป่าว่า มีหน่วยทหารรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา เพราะฮิตเลอร์ค่อนข้างกังวลและอาจถึงขั้นวิตกจริตว่าฝ่ายสัมพันธมิตรจะลอบวางยาพิษในอาหาร หรือบุกจู่โจม

 


และเวลากว่า 2 ปีครึ่งนี้ เป็นช่วงเวลาที่ ความตายกับความเป็นอยู่ใกล้มากที่สุด เพราะเธอไม่มีทางรู้ได้เลยว่าสิ่งที่เธอกินเข้าไป จะกลายเป็นมัจจุราชคร่าชีวิตเธอหรือไม่ โดย อาหารที่เธอชิมนั้น ทั้งหมดเป็น อาหารมังสาวิรัต ตามรสนิยมของฮิตเลอร์ และแม้ด้วยภาวะสงคราม ที่เกิดการขาดแคลนอาหาร และผู้คนอยู่ในสภาพหิวโหย แต่ใน "รังหมาป่า" นั้นทุกสิ่งกลับตรงข้าม เพราะ ผักผลไม้ที่ดีที่สุด ทุกชนิด ทุกประเภท เท่าที่จะจินตนาการได้ จะถูกเสริฟพร้อมกับข้าวและเส้นพาสต้าร้อนๆ เพื่อเสิร์ฟให้กับฮิตเลอร์ แม้เธอจะได้ชิมอาหารรสอร่อยเหล่านี้ แต่เธอก็รู้สึกกลัว หากจะคิดไปไกลถึงที่มาของมัน ในวันที่ 20 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1944 สิ่งที่ฮิตเลอร์ กังวล ก็เกิดขึ้น มีนายทหารระดับรายพันรายหนึ่งได้วางระเบิดในรังหมาป่า เพื่อหวังจะสังหารฮิตเลอร์ ผลคือ ฮิตเลอร์รอด แต่ผู้คนกว่า 5,000 คนต้องเสียชีวิตจากความพยายามดังกล่าว และเธอที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์นี้ ก็ได้รับคำสั่งให้ย้ายออกจากบ้านพักของญาติไปยังโรงเรียนร้าง ส่วนผู้หญิงที่ทำหน้าที่คอยทดสอบอาหารอีก 14 คน ที่เหลือ ตัดสินใจอยู่ที่ราซเทนเบิร์กต่อ ซึ่งในเวลาต่อมา เธอก็ได้ทราบข่าวว่า ทหารรัสเซีย ยิงผู้หญิงทั้ง 14 คนจนตายหมด 

 

และเมื่อเธอกลับมายังเบอร์ลิน เมืองทั้งเมืองก็อยู่ในสภาพปรักหักพัง จากการทิ้งระเบิดของเครื่องบินรบของสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ หลังจากการปะทะอย่างดุเดือดประมาณ 2 สัปดาห์ ฮิตเลอร์ก็ได้ทิ้งรังหมาป่า และฆ่าตัวตาย และเป็นที่สิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่สอง เธอ เล่าว่า ทหารรัสเซียได้เข้ามายังเบอร์ลินและจับตัวเธอไป "พวกทหารรัสเซีย จับและข่มขืนเธอต่อเนื่องถึง 14 วัน ซึ่งนี่เป็นเหตุผลที่เธอไม่สามารถมีลูกได้" เช่นเดียวกับ ชาวเยอรมันและยุโรปนับล้าน ที่ต้องสร้างชีวิตขึ้นใหม่จากซากปรักหักพัง เธอพยายามลืมความทรงจำที่ขมขื่นและละอายใจว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเป็นส่วนหนึ่งกับระบอบที่เรียกได้ว่าเป็นอาชญกรสงคราม สร้างความเสียหายไปทั่วทั้งยุโรป โดยเธอได้ ทำงานหลากหลายอย่าง ส่วนใหญ่เธอจะทำงานเป็นเลขานุการ หรือผู้ช่วยบริหาร จนมาถึงตอนนี้ ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายในชีวิตของเธอ เธอพยายามชำระล้างมลทิน ในความทรงจำ โดยเล่าเรื่องของเธอออกมา 

"หลายสิบปีที่ฉันพยายามหนีจากความทรงจำพวกนี้ แต่สุดท้าย ทุกคืน ในความฝัน ความทรงจำเหล่านั้นก็ยังตามมาหลอกหลอน"

 
Credit: http://men.postjung.com/674793.html
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...