วันที่ 29 เม.ย.56 เวลา 00.10 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก ร.ต.ต.สุชาติ เจริญศรี พนักงานสอบสวน สภ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ว่า เมื่อเวลา 20.30 น. (28 เม.ย.56) ได้รับแจ้งเกิดเหตุพี่น้องฆ่ากันตาย อยู่ที่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 414/1 ม.20 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นร้านค้าของชำประจำหมู่บ้าน “บ้านห้วยนา” ตั้งอยู่ริมถนน สายบ้านธรรมรัตน์ใน-บ้านหนองขาหยั่ง ซึ่งเป็นเส้นทางลัดเลาะเชื่อมต่อไปยังเขต อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ห่างจากตัวจังหวัดฉะเชิงเทราไปประมาณ 190 กม. จึงเดินทางไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ
ที่เกิดเหตุพบเพียงร่างของ นายไพวัลย์ ฉันติมา อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 413 ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ จ.ฉะเชิงเทรา สภาพตามร่างกายถูกสับด้วยของมีคม จนแหลกเละ ที่ศีรษะถูกทุบฟันจนมันสมองแตกกระจายเหวอะหวะ ที่แผ่นหลังถูกฟันด้วยของมีคม เป็นบาดแผลลึกยาวประมาณ 50 ซม. จนลำตัวหวิดขาดเป็นสองท่อน 1 แผล นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่กับพื้นริมถนนบริเวณด้านหน้าร้านค้าของชำดังกล่าว
จากการสอบสวนผู้เห็นเหตุการณ์และญาติๆ ของผู้เสียชีวิต รวมถึงนายสวน ฉันติมา อายุ 85 ปี ผู้เป็นบิดาของคู่กรณีทั้งหมด ทราบว่าผู้ก่อเหตุในครั้งนี้นั้นไม่ใช่ใคร ที่ไหน แต่เป็นน้องชายร่วมสายเลือดแท้ๆ ของผู้ตายเอง ทราบชื่อ คือ นายสุนันท์ ฉันติมา อายุ 40 ปี โดยก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมานั้น นางคำดี ฉันติมา อายุ 85 ปี ซึ่งอาศัยอยู่กับนายสำอาง ฉันติมา อายุ 50 ปี บุตรชายอีกคนซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าของชำที่เกิดเหตุดังกล่าว
ได้พูดบ่นต่อว่าผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าของร้านว่าใช้น้ำ และไฟฟ้าสิ้นเปลืองมาก หลังจากที่พี่ชายผู้เป็นเจ้าของร้านค้า เป็นผู้รับภาระจ่ายค่าสาธารณูประโภคที่ถูกต่อพ่วงไปใช้ บ่นต่อว่าผ่านมาทางมารดามา จึงสร้างความไม่พอใจต่อผู้ก่อเหตุเป็นอย่างมาก
ต่อมาในช่วงใกล้ค่ำ นายสุนันท์ ได้ดื่มสุราย้อมใจจนได้ที่ ก่อนที่จะเดินถือมีดขอโค้งง้าว เดินเข้ามาต่อว่านายสำอางค์ ซึ่งมีนางคำดี มารดาที่คอยพูดต่อว่าซ้ำด้วย จึงทำให้นายสุนันท์ เกิดบันดาลโทสะ และได้พยายามที่จะก่อเหตุอาระวาดใส่ทั้งพี่ชายและมารดา จากนั้นได้มีพี่ชายของนายสุนันท์ อีกคนซึ่งเป็นคนรองลงไปจาก นายสำอางค์ คือ นายไพวัลย์ ได้พยายามเข้ามาห้ามปราม
แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมรับฟัง นายไพวัลย์ จึงได้ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ไม่ทราบขนาดยิงขึ้นฟ้าเพื่อข่มขู่ แต่นายสุนันท์ไม่เกรงกลัวกลับได้พยายามที่จะเข้าไปยื้อแย่งปืนออกมาจากมือของนายไพวัลย์ จนเกิดเหตุการณ์ชุลมุน และอาวุธปืนได้ลั่นใส่ที่ข้อเท้าเหนือตาตุ่มด้านขวาของนายสุนันท์ จึงทำให้นายสุนันท์เกิดความโมโหสุดขีด จึงได้คว้าจอบที่วางอยู่ใกล้เคียงสับลงไปที่ศีรษะของนายไพวัลย์
จากนั้นยังได้ตีซ้ำลงไปที่กะโหลกศีรษะอีกหลายครั้งจนกะโหลกศีรษะแตกและ ใบหน้าของพี่ชายแหลกเหลว ก่อนที่จะใช้มีดของ้าวสับลงไปที่กวางลำตัวของพี่ชายแท้ๆ ซ้ำลงไปอีกจนลำตัวเกือบขาดออกเป็นสองท่อน ขณะเดียวกันนายสำอางค์ ต่างได้รับบาดเจ็บถูกมีดของ้าวฟันที่กลางหลังจนเป็นแผลยาวแต่บาดแผลไม่ลึกมากจนถึงขั้นอาการสาหัส หลังจากที่ได้พยายามเข้าไปห้ามปรามและยื้อแย่งอาวุธกับน้องชายทั้งสองคนด้วยด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งไปรักษาบาดแผลยัง รพ.ท่าตะเกียบ
จากนั้นนายสุนันท์ จึงได้เข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ภายในบ้านของตนเอง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปควบคุมตัวมาดำเนินคดีได้แต่โดยดี
ร.ต.ต.สุชาติ กล่าวว่า จากการสอบสวน ทราบว่าสาเหตุของคดีนี้เกิดมาจาก ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ภายในครอบครัว โดยที่ผู้ก่อเหตุนั้นได้ต่อพ่วงเอาสาธารณูประโภคจากบ้านอีกหลัง ซึ่งเป็นบ้านใหญ่ของครอบครัวไปใช้ จากพี่น้องร่วมมารดาทั้งหมด 10 คน ที่ปลูกบ้านเรือนเรียงรายกันอยู่เป็นกลุ่มใหญ่ แต่ไม่ยินยอมช่วยกันชำระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจนทำให้มีปากเสียงกัน เบื้องต้นได้ตั้งข้อกล่าวหา ต่อนายสุนันท์ ว่า “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา” โดยที่ผู้ต้องหานั้นได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุจริง ร.ต.ต.สุชาติ กล่าว