เมื่อต้นปี 2556  ที่ผ่านมา ได้มีการนำเสนอสถิติของผู้ที่ถูกจับกุมจากการลักลอบขนยาเสพติดในบราซิล และที่น่าตกใจคือ หญิงไทยกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ลักลอบค้ายาเสพติดที่ถูกจับกุมในบราซิลมากที่สุดเป็นอันดับที่ 4 โดยเป็นรองประเทศโบลิเวีย แอฟริกาใต้ และแองโกลา เท่านั้น โดยตอนนี้มีสถิติหญิงไทยที่ถูกจับกุมที่บราซิลด้วยข้อหาขนยาเสพติดเกือบ 50 คน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าขนาดประเทศไทยกับบราซิลตั้งอยู่กันห่างไกลเช่นนี้ กลับมี
หญิงไทยถูกจับกุมที่นั่นได้!

จากการสอบถามกลุ่มหญิงไทยที่ถูกจับกุมได้ความว่า ขบวนการในต่างชาตินั้นติดต่อกับหญิงไทยผ่านอินเตอร์เน็ตหรือสังคมออนไลน์ให้ช่วยขนสินค้าหรือเครื่องประดับเข้าบราซิล หรือไม่ก็ให้นำสินค้าออกไปขายในประเทศที่สาม  ซึ่งผู้ว่าจ้างจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนของตั๋วเครื่องบิน ค่าที่พัก หรือแม้กระทั่งค่ากินอยู่ให้กับหญิงไทยทั้งหมด เพียงแค่ทำตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งหญิงไทยส่วนมากมักตายใจและเชื่อโดยง่าย โดยหารู้ไม่ว่าสินค้าหรือเครื่องประดับเหล่านั้น มียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ จนเมื่อหญิงไทยเหล่านี้เดินทางเข้าบราซิลและถูกตรวจค้น จึงถูกเจ้าหน้าที่ในบราซิลเข้าจับกุมในเวลาต่อมา

การลักลอบขนยาเสพติดข้ามประเทศถือเป็นปัญหาท้าทายสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบและจับกุม เพราะปัจจุบันเหล่าผู้ลักลอบขนยาเสพติดต่างก็ใช้รูปแบบและวิธีที่พิสดาร ทั้งการกลืนยาเสพติดไว้ในท้อง และสำหรับกรณีที่ผู้ลักลอบเป็นผู้หญิงด้วยแล้วนั้น อาจมีการซุกซ่อนยาเสพติดในช่องคลอดหรือเย็บติดไว้กับเสื้อชุดชั้นใน แถมบางรายเมื่อสืบทราบต่อก็พบว่าได้กระทำลักษณะเช่นนี้แบบจงใจมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง และมีความเชี่ยวชาญในการลักลอบขนยาเสพติดเป็นพิเศษ ทำให้การจับกุมนั้นเป็นไปได้ยาก อย่างไรก็ดี โชคชะตาคงไม่ได้เข้าข้างผู้กระทำผิดที่แอบลักลอบขนยาเสพติดเสมอไป ท้ายที่สุดก็คงหนีไม่พ้นมือของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดังเช่นในกรณีข้างต้น ซึ่งตามกฎหมายของบราซิลระบุว่า ผู้ที่ลักลอบขนยาเสพติดมีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่า 15 ปี ขึ้นอยู่กับปริมาณและเจตนาโดยหากมีหลักฐานชัดเจนว่าผู้ลักลอบมีเจตนาขนยาเสพติดออกประเทศจริง อาจได้รับโทษเพิ่มอีกหลายเท่าตัวดังนั้น พี่น้องชาวไทยที่สนใจจะเดินทางไปบราซิลในช่วงนี้ ต้องเตรียมใจไว้ด้วยว่าจะขอถูกเข้าตรวจค้น ซึ่งก็ต้องขอเตือนกัน ณ ที่นี้ อีกครั้งว่าการลักลอบขนยาเสพติดนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายนอกจากจะเสี่ยงต่อการถูกจับกุม และรับโทษตามกฎหมายของประเทศที่ถูกจับกุมแล้ว ยังสร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศไทยอันเป็นที่รักของเราด้วย