แอบบี้และบริททานี ฝาแฝดตัวติดกัน กับการใช้ชีวิตตามปกติที่ทำให้ใครหลายคนจะต้องทึ่งกับความสามารถในการปรับตัวและทำงานร่วมกันของคนทั้งคู่ ภายใต้ร่างกายเดียวกัน
ฝาแฝดตัวติดกันนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก เพราะมีโอกาสเกิดขึ้นเพียง 1 ใน 200,000 ครั้งเท่านั้น และราว 40-60% ก็มักเสียชีวิตตั้งแต่เกิด แต่อย่างไรก็ตามก็ยังมีฝาแฝดบางคู่ที่สามารถเติบโตและใช้ชีวิตได้ตามปกติ ดังเช่น แอบบี้และบริททานี เฮนเซล ฝาแฝดที่มีตัวติดกันจนแทบจะรวมเป็นร่างเดียว ซึ่งเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าวบีบีซี ก็ได้นำเสนอเรื่องราวของการใช้ชีวิตร่วมกันของพวกเธอ ที่หลายคนคงจะเคยสงสัยอยู่บ้างว่าฝาแฝดตัวติดกันนั้นจะใช้ชีวิตร่วมกันอย่างไร
โดยแอบบี้และบริททานี เฮนเซล วัย 23 ปี แห่งรัฐมินเนโซต้า สหรัฐฯ มีปอด 2 ชุด หัวใจ 2 ดวง กระเพาะ 2 ข้าง ตับหนึ่งข้าง ลำไส้ขนาดใหญ่เพียงชิ้นเดียว รวมถึงอวัยวะสืบพันธุ์เพียงหนึ่งเดียว การมีตัวติดกันเช่นนี้ จึงทำให้พวกเธอเรียนรู้ที่จะทำงานประสานกันจากตั้งแต่เล็ก โดยแอบบี้จะควบคุมร่างกายซีกขวา ขณะที่บริททานีจะควบคุมร่างกายซีกซ้าย ซึ่งการทำงานที่ประสานกันของพวกเธอนั้นมักจะทำให้เพื่อน ๆ รู้สึกประหลาดใจอยู่เสมอ เพราะแม้ว่าพวกเธอจะเป็นหญิงสาว 2 คนที่อยู่ภายในร่างเดียวกัน แต่พวกเธอก็สามารถบังคับร่างกายให้ประสานสอดคล้องกันได้ราวกับเป็นร่างกายของคน ๆ เดียว ซึ่งแน่นอนว่านั่นต้องอาศัยความเข้าใจและรู้จักตัวตนของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี นอกจากนี้พวกเธอยังต้องคอยให้กำลังใจแก่กันและกันอยู่เสมออีกด้วย
และด้วยความสูงที่ต่างกัน คือ แอบบี้สูง 157 ซม.ขณะที่บริททานีสูง 147 ซม. ทำให้บริททานีซึ่งมีขาที่สั้นกว่าเล็กน้อยจำเป็นต้องยืนด้วยปลายนิ้วหัวแม่เท้า เพื่อให้ร่างการทรงตัวได้อย่างสมดุล นอกจากนั้น ทั้งสอง ยังต้องเรียนรู้ที่จะประนีประนอมในทุกเรื่อง นับตั้งแต่เรื่องอาหาร การออกสังคม และเสื้อผ้า ซึ่งบริททานีชอบที่จะแต่งตัวกลาง ๆ และชอบเครื่องประดับประเภทไข่มุกแวววาว แต่แอบบี้กลับชอบเสื้อผ้าสีสันสดใสมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้น เมื่อทั้งคู่เถียงกันเรื่องเสื้อผ้าที่จะสวมใส่ แอบบี้ซึ่งเป็นคนที่พูดจาตรงไปตรงมาก็มักจะเป็นฝ่ายชนะทุกครั้ง
ส่วนข้อแต่ต่างอื่น ๆ ของทั้ง 2 คนนี้ ก็ยังมีอีกหลายอย่าง เช่น บริททานีเป็นคนกลัวความสูง แต่แอบบี้ไม่ แอบบี้ชอบคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ส่วนบริททานีชอบศิลปะ และทั้งคู่ยังมีอุณหภูมิร่างกายที่แตกต่างกันอีกด้วย
สำหรับการใช้ชีวิตของทั้งคู่นั้นก็ไม่ต่างกับหญิงสาวทั่ว ๆ ไปที่มีชีวิตตามปกติ ตั้งแต่การเรียนหนังสือ ไปจนถึงการทำงาน และพวกเธอก็ชอบที่จะขับรถ ออกท่องเที่ยว เล่นวอลเลย์บอล เช่นเดียวกับคนอื่น ๆ โดยทั้ง 2 คน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเบเธล และกำลังทำหน้าที่เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ที่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่ง
แน่นอน พวกเธอจะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ 2 ใบสำหรับทั้ง 2 คน แต่ทว่าพวกเธอกลับได้เงินเดือนเทียบเท่ากับครูเพียงคนเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นเพราะพวกเธอได้ทำงานในส่วนของคน ๆ เดียว แต่ถึงอย่างนั้น แม้จะเข้าใจดีทั้งแอบบี้และบริททานีเองก็อยากลองเจรจาของเพิ่มเงินอีกสักหน่อย เพราะถ้ามองกันตามตรงแล้ว พวกเธอมีปริญญา 2 ใบ และสามารถดำเนินการสอนในรูปแบบที่แตกต่างกันได้ถึง 2 วิธี
นอกจากนี้ บริททานียังกล่าวว่า ในระหว่างที่คนหนึ่งกำลังสอนหนังสือ อีกคนหนึ่งก็ยังทำหน้าที่คอยดูแลนักเรียนและตอบคำถามต่าง ๆ ได้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าพวกเธอสามารถทำงานได้มากกว่าคนเพียงคนเดียว
ถึงแม้ว่าพวกเธอจะมีวิถีชีวิตปกติดังเช่นคนทั่วไป แต่สำหรับคนอื่น ๆ ในสังคมนั้นพวกเธอก็ยังถือเป็นของแปลก มีคนหลายคนแอบถ่ายรูปพวกเธอ อีกทั้งพวกเธอก็มักจะเป็นเป้าสายตา และการซุบซิบกันของคนอื่นอยู่เสมอ แม้ว่าทั้งคู่จะพยายามไม่เก็บคำนินทาเหล่านั้นมาใส่ใจก็ตาม นอกจากนั้น การเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศกับเพื่อน ๆ ก็เป็นปัญหาเช่นกัน เพราะแอบบี้กับบริททานีมีหนังสือเดินทาง 2 เล่ม แต่ใช้ตั๋ว 1 ใบสำหรับที่นั่งที่เดียวบนเครื่องบินในการเดินทาง
ทั้งนี้ ฝาแฝดติดกันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นไปบ่อยนั้น และมักจะเสียชีวิตตั้งแต่เกิด โดยแฝดที่เป็นเพศหญิงมีโอกาสรอดมากกว่าแฝดเพศชาย สำหรับกระบวนการผ่าตัดแยกฝาแฝดติดกันก็ค่อนข้างซับซ้อนและอันตราย และเป็นความเสี่ยงที่พ่อแม่อาจจะต้องเลือกว่าจะสูญเสียใครคนใดคนหนึ่งไป หรือเลือกที่จะให้พวกเธอใช้ชีวิตเช่นที่เป็นอยู่นี้ นั่นทำให้ในทุกวันนี้ มีฝาแฝดตัวติดกันดังเช่นกรณีของแอบบี้และบริททานีเพียงไม่ถึง 12 คู่เท่านั้น
ขณะที่พวกเธอเดินทางไปสู่ชีวิตของการทำงานร่วมกัน พวกเธอแค่หวังว่าจะทำแค่วันนี้ให้ดีที่สุด และไม่หวังไกลถึงอนาคตว่าตนเองจะต้องเป็นหรือต้องทำในอีก 10 ปีข้างหน้า และด้วยสถานะความเป็นครู พวกเธอเองก็ได้ทำตัวให้เป็นต้นแบบแก่เด็ก ๆ ทางด้านวิชาการ และเป็นต้นแบบในด้านทัศนคติในการใช้ชีวิตและการเอาชนะความท้าทายต่าง ๆ ด้วย
ด้าน แพตตี้ เฮนเซล แม่ของทั้งคู่เปิดเผยว่า เธอเองก็เหมือนแม่ทั่วไปที่มีความหวังและความฝันเกี่ยวกับอนาคตของลูกสาวไม่แตกต่างจากคนอื่น ที่หวังให้ลูกประสบความสำเร็จ มีความสุข และมีสุขภาพแข็งแรงอย่างที่เป็นอยู่
ด้าน นายพอล กู้ด อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนที่แอบบี้และบริททานีทำงานอยู่ กล่าวว่า เขาคิดว่าไม่มีอะไรที่ทั้งสองไม่ลองพยายามทำหรือบางสิ่งบางอย่างที่พวกเธอไม่สามารถทำได้ หากพวกเธอต้องการทำจริง ๆ ซึ่งการทำให้เด็ก ๆ ได้เห็นสิ่งเหล่านั้น โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่อาจประสบปัญหา นี่ถือเป็นเรื่องที่พิเศษ ที่พวกเขาจะได้เรียนรู้ผ่านตัวอย่างที่ยังมีชีวิตจริง ๆ