ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า หลังมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากกรณีพบว่า มีคนที่เล่นเฟซบุ๊กโดยใช้ชื่อว่า"วินเนอร์ กะ คุณนู๋มะยม" http://www.facebook.com/profile.php?id=100003876007411 ซึ่งมีการโพสต์รูปภาพ กลุ่มคนลักษณะคล้ายนักโทษ มีโซ่ตรวนอยู่ที่ข้อเท้า ตามรูปภาพระบุว่าอัพโหลดจากโทรศัพท์มือถือ และมีการปักหมุดสถานที่ว่าเป็นที่จังหวัดพิษณุโลก
อีกทั้งในเฟซบุ๊กดังกล่าวยังมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อความที่โพสต์ล่าสุด คือเมื่อวันที่ 25 เม.ย. ทำให้ประชาชนที่ทราบข้อมูลและเห็นภาพนี้ต่างตั้งข้อสงสัยว่า หากเป็นนักโทษจริง ทำไมจึงใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพนี้ได้ ซึ่งเป็นภาพที่อยู่ภายในเรือนจำ เพราะระเบียบมีชัดเจนว่านักโทษห้ามใช้หรือมีอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด หรืออีกหนึ่งมุมมองที่มีการตั้งข้อสังเกต ว่าอาจเป็นอดีตนักโทษในเรือนจำ แล้วแอบถ่ายรูปไว้ในมือถือ เมื่อพ้นโทษได้นำมาโพสต์อีกครั้ง สร้างความมึนงง ในโลกสังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ติดตามหาที่มาของภาพโดยประสานกับ นายพงษ์มิตร ประเสริฐสกุล ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้พาสื่อมวลชนเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงภายในเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่าบุคคลในภาพถ่ายมีตัวตนอยู่จริง และเป็นผู้ต้องขังในคดีข่มขืนกระทำชำเราบุคคลที่มิใช่ภรรยาของตนอง โดยได้ถูกศาลสั่งจำคุกเป็นเวลา 5 ปี ถูกคุมขังมาตั้งแต่ปี 2551และกำลังจะพ้นโทษในวันที่ 1พ.ย. นี้
ทราบชื่อบุคคลในภาพคือ นช.มาวิน สมพันธ์วงษ์ อายุ 28 ปี ถูกกักขังอยู่ในแดน 5 ของเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก และเมื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำได้ตรวจสอบเฟสบุ๊คของนักโทษชายมาวิน อีกครั้ง ปรากฏว่าได้ถูกปิดหน้าเฟสบุ๊ค ไม่สามารถเปิดดูได้อีกแล้ว หลังจากช่วงเช้าวันเดียวกันยังเข้าเปิดดูข้อมูลได้อยู่
นายพงษ์มิตร กล่าวว่า หลังจากที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ผ่านมา ได้วางมาตรการคุมเข้มเพื่อให้เรือนจำจังหวัดพิษณุโลกเป็นเรือนจำที่ขาวสะอาด ซึ่งได้กำหนดให้มีการบุกจู่โจมตรวจเข้มทุกเรือนนอนเป็นระยะไม่ให้ผู้ต้องขังรู้ตัว จนสามารถ ตรวจค้นยึดยาบ้าได้พันกว่าเม็ด ยาไอซ์จำนวนหลายกรัม อุปกรณ์การเสพ อุปกรณ์สื่อสารจำนวน 1 เครื่อง ส่วนเรื่องการป้องกันการโยนสิ่งของเรือนจำก็มีการตรวจสอบจุดบอด จากนั้นติดตั้งแหหรือตาข่าย เพื่อป้องกันการโยนสิ่งของเข้ามาในเรือนจำ
ที่ผ่านมาก็พบว่ายังมีการลักลอบโยนอุปกรณ์มือถือเข้ามาอีก ในช่วงกลางดึกจัดเวรยามตรวจสอบ และกำชับเจ้าหน้าที่ให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เรือนจำ จ.พิษณุโลกมีอุปกรณ์กวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือจุดย่อย ทำงานกวนสัญญาณโทรศัพท์มือถือเป็นช่วง ๆ แต่ไม่สามารถตัดสัญญาณโทรศัพท์มือถือได้เลยเหมือนเครื่องตัดสัญญาณของเรือนจำกลางพิษณุโลก
ผบ.เรือนจำ กล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าจากที่ต้องดูแลพื้นที่ 45 ไร่ จำนวนผู้ต้องขังที่มีจำนวนมากเมื่อเทียบกับจำนวนของผู้คุม ทำให้การดูแลป้องกันเป็นเรื่องยาก รวมทั้งช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาเรือนจำจังหวัดพิษณุโลกมีเพียงรักษาการผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดพิษณุโลก ทำให้การปฏิบัติงานค่อนข้างยาก และอาจมีการลักลอบนำสิ่งของทั้ง ยาเสพติด อุปกรณ์สื่อสาร เข้ามาในเรือนจำ แต่หลังจากนี้ก็พยายามวางมาตรการและปฏิบัติงานอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เรือนจำพิษณุโลกเป็นเรือนจำสีขาว โดยต้องตรวจค้นหลายครั้งและต้องใช้เวลาอีกช่วงหนึ่ง
ส่วนประเด็นที่ว่า มีผู้ต้องขังลักลอบเล่นเฟสบุ๊คนั้น ขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบและจะลงโทษทางวินัย และในช่วงเย็นนี้จะจัดกำลังเข้าจู่โจมตรวจค้นเรือนจำอีกครั้งหนึ่ง