สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่ามาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหารสูงสุดคนปัจจุบันของ “เฟซบุ๊ค” มีรายได้จากการบริหารหุ้นของบริษัทกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปีที่แล้ว บวกกับค่าตอบแทนอีกเดือนละ 5.03 แสนดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการกุมบังเหียนเครือข่ายสังคมออนไลน์อันดับ 1 ของโลก

รายงานที่เฟซบุ๊คยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ( ก.ล.ต. ) ของสหรัฐ ระบุว่า นอกจากฐานเงินเดือนของซัคเคอร์เบิร์กจะอยู่ที่ระดับ 5.03 แสนดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 14.5 ล้านบาท ) เขายังได้รับเงินปันผลอีกปีละกว่า 2.66 แสนดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 7.7 ล้านบาท ) และ “ค่าทดแทน”อีกราว 1.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ( ราว 35.3 ล้านบาท )  ซึ่งกว่าครึ่งถูกนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วยเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัวของผู้บริหารหนุ่มวัย 28 ปี และแขกของเขา ที่เฟซบุ๊คถือว่าเป็นมาตรการหนึ่งภายใต้นโยบายรักษาความปลอดภัยให้แก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัท

นอกจากนี้ ซัคเคอร์เบิร์กยังมีรายรับอีกกว่า 2.28 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 66.1 พันล้านบาท ) จากการบริหารพอร์ตหุ้นของบริษัท 60 ล้านหุ้น และเขายังถือครองหุ้น “คลาส เอ” หรือหุ้นสามัญชั้นหนึ่งของบริษัท 607,599,549 หุ้น โดยในจำนวนนี้ถูกนำไปแปรเป็นหุ้นสามัญชั้นสอง หรือหุ้น “คลาส บี” จำนวน 1,939,987 หุ้น

ทั้งนี้ เงินเดือนและค่าตอบแทนเพิ่มเติมของซัคเคอร์เบิร์ก มีมูลค่าคงที่มาตั้งแต่ปีที่แล้วและคาดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกในอนาคตอันใกล้นี้  เนื่องจากเฟซบุ๊คได้ปรับเปลี่ยนนโยบายในเรื่องการเพิ่มค่าตอบแทนให้แก่พนักงานทุกคน ยกเว้นซัคเคอร์เบิร์ก โดยในส่วนของผู้บริหารระดับสูงจะได้รับการปรับเพิ่มฐานเงินเดือนอีกราว 35,000-40,000 ดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 1.01- 1.16 ล้านบาท )