มีตอนจบของโดราเอมอนแต่ไม่มีโคนันก็เซงสิ

ไม่รู้ใครเขียนตอนจบของโคนันขึ้นมาบางที่ก็แต่งขึ้นเองแต่อันนี้ไม่รู้แต่งขึ้นมาเองรึป่าวนะจ้า

อ่านคลายเครียด

ยาวมากกกกกกกกกขอบอก ขยันอ่านนะจะได้ฉลาดกัน จขกท. ก็อ่านมาแล้วนะจ้า สู้ๆๆทุกคน

โคนัน ภาคจบ ตอน 1

หลังจากที่โคนัน (หรือจริง ๆ แล้วชินอิจินั่นแหละ) เข้าไปอาศัยอยู่ที่สำนักงานนักสืบโมริเป็นเวลานานหลายเดือน ในที่สุดวันนี้ วันที่เขารอคอยก็มาถึง
โมริ โคโกโร่ ได้รับแจ้งให้ไปสืบคดีฆาตกรรมคดีหนึ่งที่โรงแรมควีนกลางกรุงโตเกียว คดีฆาตกรรมปิดฉากลงเรียบร้อยด้วยฝีมือการคลี่คลายของโคนัน (ถึงแม้ความดีความชอบจะตกเป็นของโคโกโร่ก็เถอะ) แต่โคนันสืบได้ว่าคดีนี้เกี่ยวข้องกับพวกชายชุดดำ เขาเจอสมุดบันทึกเล่มนึงของผู้ตาย และเขาก็เก็บเอามาแล้วด้วย เขาแอบมันไว้ในเสื้อ หลังคดีปิดลงก็มืดพอดี โคนัน รัน โคโกโร่เดินกลับบ้าน ระหว่างทาง
“พี่รันฮะ คุณลุง ผมจะไปค้างบ้านดร.นะฮะ ตอนกลางวันดร.โทรมาบอกว่ามีของเล่นชิ้นใหม่จะให้เล่น ผมไปนะฮะ” พูดจบโคนันก็วิ่งออกไปทันที ทิ้งให้อีกสองคนมองตามอย่างครุ่นคิด
‘นึกว่ามันจะไม่ใช่เด็กธรรมดาซะอีก เฮ้อ สงสัยคิดมากไป’ โคโกโร่คิด
‘ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนตอนนั้นเลย’ รันคิดทันใดก็มีน้ำตาเอ่ออยู่ที่ตา

โคนันวิ่งมาจนถึงหัวมุมหนึ่ง เขาไม่ได้ไปบ้านดร.อากาสะ เขาหยุดอยู่ที่หัวมุมนั้น หยิบเอาบันทึกของผู้ตายขึ้นมา เปิดไปที่หน้าที่เขาคั้นเอาไว้ มันเป็นบันทึกของปีที่แล้ว

วันที่ 19 เดือน 9 ช่วงนี้มีคนสะกดรอยตาม พวกมันอยากได้อะไรกันนะ หรือว่าพวกมันต้องการชีวิตฉัน ไม่นะ ฉันยังไม่อยากตาย

วันที่ 21 เดือน 9 เมื่อไหร่พวกมันจะเลิกสะกดรอยตามซะทีนะ พวกมันต้องการอะไรกันแน่

วันที่ 30 เดือน 9 และแล้วความอดทนของฉันก็สิ้นสุดลง วันนี้เองที่ฉันต้อนพวกมันออกมาได้ฉันขู่มันว่าถ้าไม่ออกมาฉันจะแจ้งความ พวกมันออกมา พระเจ้า มันแต่งชุดดำทั้งชุด แม้แต่แววตาของพวกมันยังส่อให้เห็นถึงแววตาโหดเหี้ยมแววตาของปีศาจ หัวหน้าของมันยิ่งหน้ากลัวใหญ่ ผมยาวของมันยิ่งทำให้เค้าหน้ามันดูโหดเหี้ยมยิ่งขึ้น มันบอกฉันว่ามันมีธุระกับฉัน มันจะติดต่อกับฉันอีกที

“คงจะเป็นยีน ครั้งนี้พวกแกพลาดครั้งใหญ่เลยนะ ปล่อยให้เหยื่อทิ้งหลักฐานชิ้นโตเอาไว้แบบนี้น่ะ” โคนันพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยแล้วอ่านบันทึกเล่มนั้นต่อ

วันที่ 3 เดือน 10 หลังจากรอพวกมันให้ติดต่อมาอยู่หลายวัน หลังจากที่ฉันต้องอยู่ในอาการหวาดผวามาตลอด วันนี้หลังกลับจากไปกินเลี้ยงฉันเจอกระดาษแผ่นนึงวางอยู่บนโต๊ะทำงานของฉัน พระเจ้า ฉันอยากจะร้องไห้เหลือเกิน กระดาษแผ่นนั้นเขียนด้วยลายมือเลือด มันน่ากลัวเหลือเกิน แล้วฉันก็ต้องตกใจหนักเข้าไปอีก พวกมันรู้ มันรู้อดีตของฉัน พระเจ้า มันขู่ให้ฉันร่วมมือกับมัน ไม่งั้นมันจะบอกตำรวจ ฉันจะทำยังไง คงต้องร่วมมือกับพวกมันกระมัง

“บ้าจริง อดีตอะไรกันนะ นายนานาตะมีอดีตอะไรกันแน่นะ” โคนันเริ่มหงุดหงิดแล้วจึงอ่านต่อ

วันที่ 5 เดือน 10 ฉันตัดสินใจเด็ดขาดแล้วฉันจะร่วมมือกับพวกมัน
วันที่ 7 เดือน 10 พวกมันติดต่อมาแล้ว พวกมันบอกให้ฉันไปหาที่โรงแรมควีน วันพรุ่งนี้

วันที่ 8 เดือน 10 พวกมันบอกให้ทำจริง ๆ ทำในสิ่งที่ฉันเลิกทำมานับสิบปี

วันที่ 10 เดือน 10 ฉันกำลังเริ่มทำ ทำงานให้พวกมัน คิดดูแล้วก็คุ้มเหลือเกิน ทำงานแค่ชิ้นเดียวแต่ได้เงินเยอะเป็นบ้า

“งานอะไรนะ ทำอะไรกันแน่ นายนานาตะคนนี้มีอดีตอะไรกันนะ มันต้องเป็นอดีตที่ผิดกฎหมายแน่ ๆ ไม่งั้นคงไม่กลัวตำรวจ” โคนันชักโมโห แล้วเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหยิบโทรศัพท์รูปต่างหูออกมาแล้วโทรไปหาดร.อากาสะ
“ดร.ช่วยสืบหาข้อมูลของคนที่ชื่อ นานาตะ ซามากิ ให้ผมหน่อยนะครับ”พูดจบก็วางหูทันที

“นานาตะ ซามากิ” คนอีกฝั่งทวนชื่อนี้ช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
“ใครโทรมาเหรอ หนูไอ” ความจริงแล้วคนรับโทรศัพท์คือ ไฮบาระ ไอ!!!
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เค้าโทรผิดน่ะค่ะ หนูขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะค่ะ” ระหว่างเดินขึ้นบันไดก็คิดอะไรไปมากมาย
‘เกิดอะไรขึ้น ทำไมหมอนั่นถึงต้องการข้อมูลของนานาตะ หรือว่า…’ คิดได้แค่นั้นก็แสดงสีหน้าตกใจออกมา

“บ้าจริง ฝนตก” โคนันพูดอย่างหงุดหงิดเต็มที เขาวิ่งมาหาที่หลบฝน วิ่งมาจนถึงร้านกาแฟแห่งนึง เขาจึงเดินเข้าไปข้างใน นั่งลงที่โต๊ะนึง แล้วอ่านบันทึกต่อ

วันที่ 16 เดือน 10 และแล้วฉันก็หาส่วนประกอบที่ต้องการทั้งหมดได้ครบแล้ว เอาล่ะ ฉันจะเริ่มทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างซะทีล่ะนะ

“ลูกพี่ วันนี้สะใจจริง ๆ เลยนะ” เสียงใครสักคนที่นั่งอยู่หลังโคนันดังขึ้น
‘พูดเสียงดังอย่างงี้ แย่จริง เสียสมาธิหมด’ โคนันคิด
“พูดเบา ๆ ซิวะ อยากให้ใครเค้าได้ยินรึไง” เสียงนี้ทำให้โคนันถึงกับสะดุ้ง
“ว็อดก้านี่นา” โคนันพูดกับตัวเองเบา ๆ
“ฮะฮ้า มาให้ดมกลิ่นถึงที่เลยนะ คงไม่ปฏิเสธล่ะ” โคนันพูดเบา ๆ แล้วแอบฟังพวกคนชุดดำคุยกัน
“แต่ทำไมวันนี้เราไม่ใช้ยานั่นล่ะพี่” อีกเสียงดังขึ้น
“ลูกพี่ใหญ่สั่งห้ามใช้” คงหมายถึงยีนนั่นเอง
โคนันนั่งฟังชายชุดดำคุยกันอย่างสนใจ เขาเก็บสมุดบันทึกเอาไว้ในเสื้อตามเดิม สั่งโกโก้ร้อนมากินไปด้วยเพื่อไม่ให้ใครสงสัย แต่เค้าไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีใครคนนึงกำลังแอบมองเขาอยู่เหมือนกัน
“เหยื่อติดเบ็ดแล้วซินะ” คน ๆ นั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม
“ว่าไงนะ ได้ ได้ จะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ล่ะ” เสียงว็อดก้าคุยโทรศัพท์ โคนันรีบจ่ายเงินทันที
ว็อดก้ากับลูกน้องกำลังออกไปแล้ว โคนันรีบตามทันที เค้าเอาเครื่องดักฟังรูปกระดุมติดไปที่ลูกน้องของว็อดก้าอย่างยากลำบาก แต่ก็สำเร็จ ข้างนอกฝนหยุดตกแล้ว

“เอาล่ะ เดี๋ยวค่อยตาม” เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ โดยไม่รู้เลยว่ามีใครกำลังตามเขามาอย่างเงียบ ๆ
“ทำไมดร.ไม่โทรกลับมาซะทีนะ” โคนันพูดกับตัวเองอีกครั้งในขณะที่เดินอยู่ ตอนนี้เขากำลังสะกดรอยตามพวกชายชุดดำอยู่
“เอ๋ พวกมันจะไปไหนกันนะ ทำไมสัญญาณมันเคลื่อนที่เร็วอย่างงี้ล่ะ คงจะไปรถซินะ เอาล่ะ ยืมหน่อยนะ” พูดกับตัวเองแต่ก็คว้ารถจักรยานเด็กที่จอดอยู่ใกล้ ๆ ไป
“ชิ” เสียงดังขึ้นจากริมฝีปากของใครคนหนึ่งที่สะกดรอยตามโคนันมา มันรีบเดินไปคว้ารถจักรยานอีกคันที่เป็นของผู้ใหญ่ตามโคนันไป
“หรือว่ามันจะรู้ตัวแล้ว” ใครคนนั้นเหมือนจะพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า
“ไม่หรอกน่า ไม่มีทางหรอก” มันพูดอีกครั้ง

“อ้าว จะไปไหนน่ะ” เสียงของโคโกโร่ดังขึ้น
“หนูรู้สึกใจไม่ดีน่ะค่ะพ่อ จะไปดูโคนันที่บ้านดร.ซะหน่อย” รันตอบ
“นั่นซินะ วันนี้พ่อเองก็ใจไม่ดีเหมือนกัน รู้สึกเป็นห่วงเจ้าเปี๊ยกนั่นตะหงิด ๆ ไปดูมันซะหน่อยก็ดี ไปเถอะ” โคโกโร่ว่า

โคนันสะกดรอยตามพวกว็อดก้ามาจนถึงโรงงานแห่งหนึ่ง โรงงานที่น่ากลัวเหลือเกิน โรงงานที่ให้บรรยากาศเหมือนโรงฆ่าสัตว์ โรงงานที่ทำให้คนมองอยากจะเบือนหน้าหนี
“นี่คงเป็นรังของพวกมัน” โคนันพึมพำเบา ๆ เขาเอารถจักยานไปแอบไว้หลังพุ่มไม้ แล้วค่อย ๆ ย่องเข้าไปในโรงงานแห่งนั้น เกิดรอยยิ้มเ***้ยมขึ้นที่หน้าของใครอีกคนที่ตามโคนันมา
“ได้เวลาแล้วซินะ คุโด้ ชินอิจิ” ใครคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงของซาตาน

“อ้าว พี่รัน จะไปไหนค่ะ” มีเสียงทักขึ้นข้างหลัง รันจึงหันไปดู
“อ้าว อายูมิ พี่จะไปบ้านดร.น่ะจ้ะ เอ๋ อายูมิไม่ได้อยู่ที่นั่นหรอกเหรอ” รันพูดทำหน้าครุ่นคิด
“เปล่านี่ค่ะ ทำไมเหรอค่ะ” อายูมิจังถาม
“โคนันบอกพี่ว่าดร.ทำของเล่นชิ้นใหม่ได้น่ะจ้ะ”
“แย่จัง ไม่เห็นมีใครบอกอายูมิเลยนี่ค่ะ คอยดูนะพรุ่งนี้อายูมิจะโวยวายให้ดู” พูดพลางทำหน้าจริงจังไปด้วย
“อายูมิจัง กลับบ้านเถอะลูก” แม่ของอายูมิมาตาม
“ค่ะ ไปนะค่ะพี่รัน” อายูมิโบกมือให้รัน รันได้แต่ยืนมองด้วยแววตาเศร้า ๆ เท่านั้น ในใจเธอเป็นห่วงโคนันเหลือเกิน
“ในที่สุดก็ถึงซะที ดร.ค่ะ ไฮบาระ โคนัน” รันยืนตะโกนเรียกอยู่หน้าบ้านดร. แต่ทุกอย่างเงียบ ไม่มีใครออกมา ไม่มีเลย
“ไม่อยู่กันหรอกเหรอ ไปไหนนะ” รันพูด พลางน้ำตาของเธอก็ไหลออกมา เธอนั่งลงที่หน้าบ้านของดร.แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่นึกอายใคร เธอเป็นห่วงโคนันเหลือเกิน เธอเป็นห่วงเค้าคนนั้น

โคนันเดินเข้ามาในโรงงานของพวกชายชุดดำ ว็อดก้าเดินเข้าไปในห้อง ๆ นึง ลูกน้องของเขาเข้าไปด้วย โคนันหามุมที่ไม่มีใครเดินผ่านได้ เค้าฟังพวกมันคุยกันผ่านทางเครื่องดักฟัง
“ทำไมถึงเป็นอย่างงี้ล่ะ” เสียงของว็อดก้า
“ฉันซิที่ต้องถามพวกแก ว่าทำไมเป็นอย่างงี้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” เสียงใครคนนึงที่คุ้นหูโคนันดังขึ้น แต่เขานึกไม่ออกเลยจริง ๆ ว่ามันเป็นเสียงของใคร
“หรือว่า จะมีคนทรยศครับ” เสียงนั้นเป็นของว็อดก้า
“ฉันก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างงั้น แต่ใครกันล่ะที่ทรยศ ใครกัน” เสียงที่คุ้นหูดังขึ้นอย่างดุดัน
“เอ่อ หรือว่าจะเป็นลูกพี่…”
“แกสงสัยชั้นเหรอว็อดก้า” เสียงของยีนดังขึ้น
“เปล่าครับ ผม…ผมไม่กล้าหรอกครับ” ว็อดก้าแก้ตัวตะกุกตะกัก
“แต่เมื่อกี้นี้ฉันได้ยิน…”
“หยุดซะที” เสียงที่คุ้นหูโคนันดังขึ้นอีก โคนันกำลังสงสัยว่าเค้าคงเป็นหัวหน้าของพวกชายชุดดำ
“แทนที่พวกแกจะมาเถียงกัน ทำไมไม่ลองคิดดูให้ดีว่าใครที่มันทรยศเรา” เสียงนั้นดังขึ้นอีก
“หรือว่าจะเป็นคริส..” เสียงว็อดก้าดังขึ้นอีก
“ไม่มีทาง คริสคือคนที่ฉันไว้ใจที่สุด” เสียงของหัวหน้าใหญ่ดังขึ้นอีก
“หรือว่าแก ว็อดก้า” ยีนพูดขึ้น
“โธ่ ลูกพี่อย่าพูดเล่นอย่างนี้ซิฮะ ผมไม่กล้าหรอก” ว็อดก้าพูดอย่างรวดเร็ว
“บางทีอาจจะเป็น…” เสียงหัวหน้าใหญ่ดังขึ้น
ทันใดนั้นโคนันรู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังมองเค้าอยู่ เมื่อโคนันเงยหน้าขึ้นไปก็เจอกับ
“อาจารย์โจดี้” โคนันพูด
“มาแอบฟังอยู่ตรงนี้จะมีอะไรดีขึ้นมาล่ะ คุโด้ ชินอิจิ” คำทักทายแบบนี้ทำเอาโคนันถึงกับสะดุ้ง
“เอาล่ะคุโด้คุง เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า” ว่าพลางก็เอาผ้าเช็ดหน้าที่มียาสลบโปะเข้าใส่โคนันแล้วลากตัวเขาเข้าไปในห้องประชุม
“สวัสดีค่ะ หัวหน้า ยีน ว็อดก้า” เธอเน้นเสียงหวานที่ชื่อของยีน
“คริส” ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน
ที่แท้อาจารย์โจดี้ก็คือ คริส วินยาร์ต นักแสดงชื่อดังจากอเมริกานั่นเอง ที่แท้เธอก็เป็นส่วนหนึ่งของพวกชายชุดดำ
“เอาล่ะ ฉันมีของขวัญชิ้นพิเศษมาให้กับทุก ๆ คน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเ***้ยมเกรียม แล้วถอยหลังออกไปนิดหน่อยให้ทุกคนได้เห็นโคนัน
“โคนัน” เสียงของหัวหน้าใหญ่ดังขึ้น
“ผิดแล้วล่ะค่ะ เด็กคนนี้คือ คุโด้ ชินอิจิตังหากล่ะคะ” คริสยังพูดต่อไป
“เธอจับมันได้ที่ไหนคริส” ยีนเอ่ยถามขึ้น
“ในโรงงานนี่ล่ะ มันสะกดรอยตามว็อดก้ากับแบรคมา” (แบรคคือลูกน้องของว็อดก้าค่ะ)


“ว็อดก้า ทำไมนายไม่ระวัง” ยีนเอ่ยขึ้นอีก
“ผมขอโทษ หัวหน้าครับ เราจะทำยังไงกับมันดีล่ะครับ” ว็อดก้าเปลี่ยนเรื่อง
“เอาไปขังไว้ก่อน” เสียงหัวหน้าใหญ่ฟังดูมีแววเ***้ยมเกรียม

“เอ๋ พ่อออกไปไหนล่ะเนี่ย สงสัยจะออกไปซื้อเหล้าอีกแล้วล่ะซิ” รันพูดขึ้นหลังจากขึ้นมาบนบ้านแล้ว
“ป่านนี้หมอนั่นจะเป็นไงบ้างนะ” เธอยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ พลันตาก็เหลือบไปเห็นกระดาษบนโต๊ะ
“พ่อไปเล่นไพ่นกกระจอก ไม่ต้องรอนอนไปก่อนได้เลย” เธออ่านเสียงดังแล้วนั่งลงที่เก้าอี้อีกตัวแล้วคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา แต่แววตา ท่าทางครุ่นคิดของเธอต้องสะดุดลงเมื่อมีคนมาเคาะประตูบ้าน เธอลุกขึ้นมาเปิดประตูบ้าน
“พี่หมอ” รันพูดขึ้นหลังจากเห็นว่าใครที่มาหาเธอ

“ที่นี่ที่ไหนกันนะ…ทำไมมันมืดอย่างนี้ล่ะ หรือว่าเราจะตายแล้ว แต่…โอ้ย เจ็บที่นา เราคงยังไม่ตายหรอก หรือว่าพวกมันจะจับเรามาขังไว้” โคนันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ สติของเขาเริ่มกลับคืนมาอีกครั้ง
“จะทำยังไงดี พวกมันต้องฆ่าเราแน่ ๆ…แล้ว…แล้วเราก็คงไม่ได้เจอกับเธอคนนั้นอีก คงไม่ได้กลับไปเป็นคุโด้ ชินอิจิอีก…เราจะทำยังไงดี หรือว่าเราจะโทรไปหาดร.ดี…หรือจะโทรไปหาเจ้าบ้าเฮย์จิ หรือจะโทรไปหาเธอ รัน ฉันจะทำยังไงดี” เขาพึมพำกับตัวเองอีกครั้ง
“ไม่…ไม่ได้…เราจะให้ใครมาเดือดร้อนไปกับเราไม่ได้ แต่…แต่ถ้าไอ้พวกนี้มันไม่ถูกจับ พวกมันก็ต้องทำร้ายคนอีกมากมาย แต่ถ้าเราโทรไปหาเฮย์จิล่ะก็… ไม่ หมอนั่นอาจจะตกอยู่ในอันตรายถ้าเราโทรไป ฉันจะทำยังไงดีนะ”
“ชั้นต้องหาทางออกไปจากที่นี่และจับไอ้พวกนั้นให้ได้ด้วยตัวของชั้นเอง” เค้าพึมพำออกมาอย่างมุ่งมั่น

“อะไรนะ…จริงเหรอ…ได้…ได้…ฉันจะรีบไป…ได้…อืม…รู้แล้วน่า…ได้…รอฉันสักเดี๋ยวล่ะกัน” เสียงใครบางคนคุยโทรศัพท์อยู่

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน โคนันกำลังนั่งคิดอะไรบางอยู่ อยู่ในที่คุมขังมืดมิดนั่น
“ใครกันนะ เสียงนั่น เสียงที่คุ้นหูเหลือเกิน เสียงของใครกันนะ มันเป็นใครกันแน่นะ”
“เสียงคุ้นหูเหลือเกิน ฉันต้องรู้จักมันแน่ ๆ “
“แล้วยังจะมีอาจารย์โจดี้อีก เธอเป็นใครกันแน่นะ หรือว่า…”
“ต้องใช่แน่ ๆ ผู้หญิงคนนั้น คน ๆ นั้น”
“คริส วินยาร์ต ต้องเป็นเธอแน่ ๆ มิน่าล่ะ ถึงได้หายไปเลยนับตั้งแต่อาจารย์โจดี้ปรากฎตัวขึ้น”
“และคน ๆ นั้นก็ต้องเป็น…..เค้าอย่างแน่นอน”
“แต่ว่าเค้าอย่างนี้ทำไมนะ ทำไมเค้าถึงต้องทำอย่างนี้นะ”

“แล้วทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้ล่ะ อยากให้หมอนั่นตายไปก่อนรึไง” เสียงของเฮย์จินั่นเอง เค้ากำลังโวยวายใครบางคนอยู่
“หมอนั่น หมอไหน ก็นายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ ก็ฉันติดต่อนายไม่ได้เลยนี่” คาซึฮะเถียงต่ออย่างไม่ลดละ
“แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไงล่ะ” เฮย์จิถาม
“รันโทรมาบอกน่ะสิ ไม่งั้นฉันจะรู้ได้ยังไงกันล่ะ”
“บ้าจริง ดึกป่านนี้แล้วจะไปหาตั๋วเครื่องบินที่ไหนทัน นี่ขับรถให้มันเร็ว ๆ หน่อยซิ” ว่าพลางก็หันไปเร่งคนขับรถแท็กซี่ที่นั่งอยู่ข้างหน้า คนขับรถหันมาดูเขาทีนึงแต่ก็ไม่อยากจะเถียงด้วย ในที่สุดก็ถึงสนามบิน
“ขอโทษนะค่ะ เที่ยวบินสุดท้ายตั๋วหมดแล้วและเครื่องก็จะออกในอีก 20 นาทีนี้แล้วค่ะ” เสียงพนักงานที่สนามบินพูดกับพวกเฮย์จิ
“เห็นม่ะ ไม่มีตั๋วแล้ว ไปพรุ่งนี้ไม่ได้รึไง” คาซึฮะถาม
“เธอจะบ้าเหรอ รันโทรมาบอกว่าโคนันหายตัวไปเธอยังจะไม่เดือดร้อนอีกเรอะ”
“ก็แค่หายตัวไปเองนี่นา พ่อรันเป็นนักสืบนะ เดี๋ยวก็หาตัวเจอแล้วล่ะ”
“เธอไว้ใจตาลุงนั่นงั้นเหรอ เฮ้พี่ชาย” พูดกับคาซึฮะจบก็หันไปพูดกับผู้ชายอีกคนที่เพิ่งเดินมาอยู่ใกล้ ๆ
“พี่ชายจะไปไหนเหรอ”
“อ้อ พี่กับแฟนจะกลับบ้านที่โตเกียวน่ะ”

“ทำไมมาช้าจังเลยล่ะ เฮย์จิ” รันถาม
“ก็ยัยนี่น่ะซิ” พูดพลางก็เหล่ไปที่คาซึฮะ
“ก็นายอยากปิดมือถือเองนี่นา”
“มือถือมันแบตหมดตะหากล่ะ”
“ดีนะที่ฉันบอกพี่ชายคนนั้นว่าพ่อเจ็บหนักต้องรีบมาน่ะ แล้วก็ดีนะที่พี่ชายคนนั้นใจดีขายตั๋วให้น่ะ” เฮย์จิยังพึมพำอยู่ “เอาล่ะรีบไปกันเถอะ ไปช่วยหมอนั่นกัน”
_________________
“ไปทางไหนต่อน่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้น
“ทางนี้” อีกเสียงที่ฟังดูเล็กกว่าตอบกลับมา
“เธอแน่ใจนะ ว่าจำทางไม่ผิดน่ะ” อีกเสียงที่ฟังดูทุ้มที่สุดดังขึ้น
“แน่ใจซิ”
“แล้วเราจะไว้ใจเธออีกได้ยังไง” เสียงแรกดังขึ้นอีก
“ถ้าไม่ไว้ใจก็ไม่ต้องตามมา” เสียงเล็ก ๆ นั้นตอบกลับมาอีกครั้ง
“ใกล้จะถึงรึยังล่ะ” เสียงที่ทุ้มที่สุดเอ่ยขึ้น
“อีกนิดนึง นิดเดียวเท่านั้น รอหน่อยนะ” เสียงเล็ก ๆ ตอบกลับมาอีกครั้ง แต่ประโยคหลังเหมือนจะพูดกับตัวเองมากกว่า

“เราจะไปทางไหนกันล่ะ” เฮย์จิถามขึ้น
“จากที่ผมสืบมามันน่าจะอยู่ทางนี้นะครับ หรือหมวดว่ายังไงครับ” พี่หมอของรันหรืออาราอิเดะ โทโมอากิเอ่ยขึ้น
“อ้อ ผมไม่ทราบหรอกครับ ก็คุณไม่เคยบอกผมเรื่องตัวจริงของคุณเลยนี่”
“นั่นซิ นั่นซิ ปิดเรื่องไว้ซะเงียบเลยนะ” เสียงของหมวดทาคางิกับหมวดซาโต้นั่นเอง
“อย่างเพิ่งทะเลาะกันเลยค่ะ เราต้องไปช่วยโคนัน เอ่อ หมอนั่นก่อนนะค่ะ” รันพูดอย่างร้อนใจ

“ในที่สุดก็ออกมาได้ซะที” เสียงใครบางคนพึมพำขึ้นพร้อมกับเสียงหอบเหนื่อยแล้วเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนข้าง
ล่างพูดกัน
“เชอร์รี่ เธอเองเหรอเนี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลยนะ ไปทำภารกิจลับซินะ” เสียงของคริสนั่นเอง
“ใช่ แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ ขนาดฉันอยู่ใกล้คุโด้มากกว่าเธอ ยังโดนเธอแย่งผลงานไปได้ เฮ้อ ความจริงฉันน่าจะจับตัวหมอนั่นมาตั้งแต่แรก ไม่น่าเลย” อีกเสียงตอบกลับมา
โคนันที่ฟังอยู่ในช่องแอร์ข้างบนถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินเสียงของไฮบาระดังขึ้น และต้องตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเขาได้รู้ว่าความจริงแล้วไฮบาระปลอมตัวไปเพื่อจะจับเขา
“แล้วเธอจัดการกับดร.อะไรนั่นยังไงล่ะ เชอร์รี่” คริสถามอีก
“ก็ปิดปากเขาไปชั่วนิรันน่ะซิ” น้ำเสียงฟังดูโหดขึ้นเล็กน้อย
โคนันถึงกับอึ้งหนักเข้าไปอีกเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของไฮบาระ
“เอาล่ะ ฉันจะไปแปลงโฉมให้กลับมาเป็นคนเดิมซะหน่อยขอตัวนะ คริส” ไฮบาระเอ่ยขึ้นแล้วเดินจากไป

ประตูห้องคุมขังของโคนันโดนเปิดออกแต่ข้างในกลับว่างเปล่า ทำให้คนที่มาเปิดถึงกับหน้าเสีย
“หายไปไหนแล้วล่ะ หรือว่าจะหนีไปแล้ว บ้าจริง”
ประตูห้องปิดลงเหมือนเดิมอีกครั้ง


“ไม่อยากจะเชื่อ ไฮบาระ ที่แท้เธอปลอมตัวเข้าไปเพื่อจับฉันเหรอเนี่ย” โคนันพึมพำกับตัวเองเบา ๆ อย่างไม่อยากจะเชื่อเลย ตอนนี้เค้าออกมานอกโรงงานได้แล้วแต่กว่าจะออกมาได้ก็ช่างยากลำบากเหลือเกิน และตอนนี้ฟ้าก็เริ่มสว่างแล้วด้วย
ถัดออกไปไม่ไกลนัก มีคนเห็นโคนันเข้าแล้ว
“นั่นมัน…” เสียงทุ้ม ๆ ของใครคนนึงดังขึ้น
“ใช่จริง ๆ ด้วย” อีกเสียงดังขึ้น แล้วทั้งสองก็ออกวิ่ง
สองคนนั้นวิ่งมาทางด้านหลังของโคนัน หนึ่งในสองเอามือปิดปากโคนันเอาไว้ โคนันเริ่มดิ้นแต่แล้ว
พล้อก ! ! !
ชายอีกคนเอาไม้ตีหัวโคนัน ด้วยร่างกายที่อ่อนเพลียอยู่แล้วทำให้โคนันสลบทันที

“หนีออกมาได้ยังไงกันนะ” เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้น
“แล้วจะทำยังไงกับมันล่ะ” เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้น
“เดี๋ยวก็คงฟื้นแล้วล่ะ” อีกเสียงดังขึ้น
(อ่า 3 คนนี้คือ 3 คนเดียวกับที่เคยปรากฎตัวแล้วตอนต้นตอนน่ะค่ะ)
โคนันค่อย ๆ ลืมตาขึ้น แล้วเขาก็เห็นคนสามคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เจอ
“ดร.อากาสะ ลุง ไฮ…ไฮบาระ” โคนันพูดขึ้นอย่างตกใจ
“ฟื้นแล้วเหรอ” เสียงทุ้ม ๆ ของดร.อากาสะดังขึ้น
“สลบไปตั้งนานเลยนะ คุโด้” ไฮบาระพูดขึ้นด้วยเสียงเล็ก ๆ ของเธอ เธอยังตัวเล็กอยู่เลย
“หนี หนีเร็วลุง หนีเร็วดร. ไฮบาระ ไฮบาระจะฆ่าพวกเรา” โคนันพูดแต่โคโกโร่กับดร.อากาสะกลับหัวเราะซะนี่ โคนันหันไปมองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างงง ๆ แล้วถามขึ้นว่า
“นี่มันอะไรกันแน่น่ะ”
“แกเป็นนักสืบก็คิดเอาเองซิวะ” โคโกโร่ว่า

“ใกล้จะถึงรึยังค่ะ พี่หมอ” รันถามด้วยความร้อนใจ
“ใกล้แล้วหล่ะ เลี้ยวซ้ายอีกทีนึงก็ถึงแล้ว”
“ทำไมมันไกลจังล่ะค่ะ” คาซึฮะถามบ้าง
“ทำไม เหนื่อยเหรอ” เฮย์จิถามกลับ
“อือ ก็เดินมาตั้งไกล” คาซึฮะตอบ
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมา” เฮจิย์ว่า แต่หมออาราอิเดะทำมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบเมื่อมาหยุดอยู่ที่หน้าโรงงาน (โรงงานที่พวกโคนันอยู่อ่ะค่ะ)
“พวกคุณเรียกกำลังเสริมได้แล้วล่ะ ที่นี่ไม่ผิดแน่”หมออาราอิเดะหันมาบอกหมวดทาคางิ

“โอ้ย ผมนึกไม่ออก รีบ ๆ บอกมาซะทีซิ” โคนันโวยวาย
“งั้นฟังให้ดีนะ” ดร.อากาสะว่า แล้วเริ่มเล่า
“หนูไอน่ะ เค้าได้รับคำสั่งลับให้มาจับตัวนายไป เพราะพวกชายชุดดำรู้สึกสงสัยว่าทำไมอยู่ดี ๆ โมริ โคโกโร่ถึงได้เก่งกาจนัก สุดท้ายพวกมันก็จับได้ว่านายคือคุโด้ ชินอิจิ”


“แต่องค์กรก็ยังไม่แน่ใจนัก พวกมันก็เลยส่งชั้นมาอยู่กับดร.เพื่อให้สืบความจริงและจับตัวนายกลับมา ฉันไม่รู้ว่าจะมาจับนายได้ยังไงนอกจากจะสร้างภาพขึ้นมาทำเป็นว่าตัวเองหักหลังองค์กร กินยานั่นเหมือนนาย แล้วก็หนีออกมาเพื่ออาศัยอยู่กับดร. ตอนแรกฉันเองก็ไม่อยากเชื่อว่าแผนนี้มันจะได้ผล” ไฮบาระเล่าบ้าง
“อ๋อ เธอคงคิว่าฉันกับดร.โง่ล่ะซินะ” โคนันพูดอย่างอารมณ์เสีย
“เปล่าซะหน่อย ตอนแรกฉันก็กำลังคิดอยู่เหมือนกันล่ะว่าจะบอกองค์กรว่านายไม่ใช่คุโด้ดีรึเปล่า แต่นึกไม่ถึงองค์กรกลับรู้ซะก่อนว่านายคือคุโด้ ชินอิจิตัวจริง พวกเขาเร่งให้ฉันรีบจับตัวนายกลับมา แต่เพราะฉันรู้สึกว่าเริ่มผูกพันกับ…กับทุก ๆ คนแล้วฉันเลยยืดเวลาออกไปโดยการส่งข่าวมาบอกองค์กรว่าฉันยังไม่พร้อม แต่นึกไม่ถึงว่านายจะแอบมาที่นี่ซะก่อน” ไฮบาระตอบคำถามแล้วเล่าต่อ

“แย่แล้ว ลูกพี่ เจ้าเปี๊ยกนั่นหายไปแล้ว” ว็อดก้าวิ่งมารายงานยีน
“แกว่าอะไรนะว็อดก้า” ยีนตะคอกถามว็อดก้า
“เมื่อกี้นี้ผมกับแบรคจะเอาข้าวไปให้มันแต่พอเข้าไปข้างในมันก็หายไปแล้ว” ว็อดก้าพูดเสียงตะกุกตะกัก
ยีนโมโหมากเขารีบวิ่งไปดูที่ห้องลับใต้ดาดฟ้าซึ่งเป็นที่คุมขังโคนัน ภายในห้องไม่มีใครอยู่จริง ๆ
“นายก็กลับไปแล้ว ทีนี้จะทำยังไงล่ะลูกพี่” ว็อดก้าถาม

“แล้งไงต่อล่ะ เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันมาอยู่ที่นี่” โคนันถามต่อ
“ตอนที่นายโทรศัพท์มาน่ะ ฉันเป็นคนรับสายเองล่ะ ตอนนั้นนายพูดถึงคน ๆ นึง”
“อ๋อ นายนานาตะ ซามากิ” โคนันลืมนายคนนี้ไปแล้วสนิทเลย
“ใช่ มันเป็นคนขององค์กร” ไฮบาระว่า
“มันทำอะไรเหรอ” โคนันถาม
“ไม่รู้สิ รู้แต่ว่าคงเป็นงานใหญ่ ไม่งั้นนายใหญ่คงไม่ยอมให้เข้ามาในนี้” ไฮบาระอธิบายต่อ
“พอหนูไอเค้าลงมาบอกฉันว่านายอาจจะกำลังตกอยู่ในอันตรายฉันก็เลยคิดว่าน่าจะไปห
าโมริคุงให้มาช่วยๆ กันตามหานาย” ดร.อากาสะเล่าต่อ
“ระหว่างทางก็เจอรันกำลังคุยอยู่กับอายูมิ แต่เราไม่อยากให้เธอต้องมาเสี่ยงไปด้วยเลยไม่ได้บอก รีบตรงไปหาคุณโมริทันที คิดว่ายังไงซะก็คงต้องบอกความจริงให้รู้แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่านายคื
อดุโด้ ชินอิจิ” ไฮบาระเล่าต่อ
“ก็ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ฉันไม่โง่สักหน่อยฉันรู้มาตลอดล่ะ” โคโกโร่เล่าในขณะที่โคนันทำหน้าทึ่งสุด ๆ
“พอสองคนนี้มาที่บ้านฉันก็พอจะรู้ล่ะว่าเกิดเรื่องขึ้นกับนาย พวกเราก็เลยออกตามหานาย”
“เราไปที่ร้านกาแฟแห่งนึงก็เจอกับหมออาราอิเดะ เขาบอกว่าเห็นนายกับอาจารย์โจดี้ตรงมาทางนี้ฉันก็เลยพอจะเดาได้ลาง ๆ ว่านายกำลังถูกสะกดรอยตาม” ไฮบาระเล่าต่อ
“ฉันก็เลยเอาแว่นตาสำรองสะกดรอยตามมาอีกต่อนึง แต่ระหว่างทางแบตมันหมดเลยต้องให้หนูไอนำทางต่อจนมาถึงที่นี่” ดร.อากาสะเล่า
“พอมาถึงนี่เราก็ทำทีเป็นว่าให้หนูไอกลับเข้าไปในองค์กรอีกครั้งเพื่อเอาตัวแกอ
อกมา” โคโกโร่เล่า
“แต่พอฉันเปิดประตูห้องขังของนายฉันก็แทบเป็นลมเพราะไม่เจอนาย” ไฮบาระเล่าต่อ “กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงดี ดร.ก็ติดต่อมาว่านายอยู่กับเขา ฉันก็เลยหนีออกมา”
“แล้วทำไมต้องทุบหัวฉันด้วยล่ะ” โคนันถามอย่างเอาเรื่อง พลางเอามือจับหัวที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่
“ก็นายดิ้นนี่นา” ดร.แก้ตัว
"แม้แต่กระจกที่สะท้อนทีอย่างตรงไปตรงมา แต่ก็ไม่อาจสะท้อนตัวตนที่แท้จริงได้"
ตอนจบ : คดีสุดท้ายของโคนัน ตอนที่ 4
“นายว่ายังไงบ้างน่ะลูกพี่” ว็อดก้าถามหลังจากยีนโทรไปรายงานนายใหญ่เรื่องที่โคนันหายตัวไป
“นายไม่รับโทรศัพท์ ฉันกำลังสงสัยว่ามันคงหนีไปทางช่องแอร์” ยีนพูด
“นั่นน่ะสินะลูกพี่” ว็อดก้าเสริม
“แย่จริง เอ๊ะ แล้วนี่เชอร์รี่หายไปไหนแล้วล่ะ” คริสถาม
“เห็นว่าจะไปพักน่ะ” ยีนตอบ
“แต่เมื่อกี้นี้ ฉันไปดูที่ห้องของเธอมา ไม่เห็นมีใครเลยนี่” คริสยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“หรือว่า…” ยีนพูดแล้วทิ้งท้ายเอาไว้

“ทาคางิ ซาโต้ ทำอะไรทำไมไม่บอกฉันซักคำฮ่ะ คุณก็เหมือนกันหมออาราอิเดะ คุณเป็นหมอนะ นึกว่าตัวเองเป็นสายลับรึไง ทำอะไรไม่บอกผมสักคำ” สารวัตรเมงูเระเอ่ยขึ้น เขามาถึงหน้าโรงงานพร้อมกับกำลังเสริม
“ขอโทษนะค่ะ สารวัตร” หมวดซาโต้เอ่ยเสียงหวาน
“สารวัตรครับผมว่าเราควรจะกระจายกำลังออกเป็นสี่ส่วนนะครับ” เฮย์จิที่เงียบมานานเอ่ยขึ้น
“ใช่ค่ะ ส่วนแรกเข้าทางหน้า ส่วนที่สองเข้าทางหลัง” คาซึฮะพูด
“ส่วนที่สามทางซ้าย ส่วนที่สี่ด้านขวา แค่นี้เราก็ล้อมพวกมันไว้ทุกด้านแล้วล่ะค่ะ” รันพูดบ้าง
“ฉันรู้หรอกน่า ฉันเป็นสารวัตรนะไม่ต้องให้เด็กอย่างพวกเธอมาสอนหรอก” สารวัตรเมงูเระพูดขึ้นจากนั้นเขาก็สั่งแบ่งกระจายกำลังออกเป็นสี่ส่วน

“ทำไมพวกเราไม่ไปเข้าด้านหน้าล่ะเฮย์จิ มาด้านซ้ายทำไม มีแต่ต้นไม้ทั้งนั้นเลย” คาซึฮะเริ่มบ่นเพราะเฮย์จิ
บอกให้มาทางด้านซ้าย
“เอาเถอะน่า เอะ นั่นรอยเลือดนี่” เฮย์จิหันไปเห็นรอยเลือดของโคนันที่เกิดจากการโดนทุบหัวเข้าเข้า เขาเอานิ้วไปจับแล้วพูดขึ้นว่า
“แห้งแล้ว คงจะมีมาประมาณ 2 ชั่วโมงขึ้นไปแล้ว”
“เลือดใครกันนะ หวังว่าคงจะไม่ใช่ของ…” รันพูดแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
“ไม่ใช่หรอกน่ารัน ทำใจให้สบายเถอะ” คาซึฮะปลอบ
“เฮย์จิ ตรงนั้นมีบ้านร้างล่ะ” หมออาราอิเดะพูด
“เราไปดูกันเถอะ หมวดทาคางิ คุณพากองกำลังบุกเข้าไปก่อนนะฮะ แล้วเดี๋ยวพวกผมตามไป” เฮย์จิสั่งแล้วเรียกรันกับคาซึฮะแยกไปอีกทาง

“ว่าไงทาคางิ นี่มันโรงงานร้างชัด ๆ พวกเธอกลับบอกว่านี่เป็นองค์กรอะไรไม่รู้บ้าบอ” สารวัตรพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ก็หมออาราอิเดะเค้าบอกว่าที่นี่มัน…” ทาคางิเถียง
“เค้าเป็นหมอนะ ส่วนนายน่ะเป็นตำรวจ ทำไมต้องเชื่อเขาด้วยล่ะ” เมงูเระเริ่มระเบิดอารมณ์
“ก็เค้าเป็น…”
“ทาคางิคุง” ทาคางิพูดยังไม่ทันจบซาโต้ก็เรียกชื่อเขาเสียงดัง
“เป็นอะไร” สารวัตรถาม
“เป็น…เป็นคนที่น่าเชื่อถือนี่ครับ” ทาคางิตอบ แต่คำตอบนี้ทำเอาเขาถึงกับโดนด่ายกใหญ่
“งั้นเรารออยู่นี่ก่อน ดูซิว่าคุณหมอผู้น่าเชื่อถือจะว่ายังไง” สารวัตรเริ่มโมโหสุดขีด

“คุโด้” เสียงเรียกจากเฮย์จิทำให้โคนัน ไฮบาระ ดร.อากาสะและโคโกโร่หันไปดู
“พวกนาย…รัน เธอมาที่นี่ได้ยังไง” โคนันถาม
“พวกฉันไม่บื้อนิ่” เฮย์จิตอบ
“เรื่องมันยาวน่ะ เอาไว้ค่อยเล่าก็แล้วกัน เข้าไปในนั้นก่อนเถอะ” หมออาราอิเดะพูดพลางชี้นิ้วไปที่โรงงาน

“ไม่มีทาง ในนี้มีคนอยู่แน่ ๆ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ล่ะ” ไฮบาระโวยวายเมื่อเข้ามาในโรงงานซึ่งขณะนี้ไม่มีใครเลยนอกจากพวกเขากับตำรวจกำลังเสร
ิม
ในขณะที่สารวัตรเถียงอยู่กับคนอื่น ๆ โคนันก็เดินสำรวจไปทั่ว แต่เสียงของทุกคนทำให้สมาธิเขาแตกกระจายจนกระทั่ง
“เงียบ ๆ กันหน่อยไม่ได้รึไง” โคนัน เฮย์จิและโคโกโร่ตะหวาดขึ้นพร้อมกัน พวกเขาสามนักสืบใหญ่กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะมีทางหนีทางอื่นหรือไม่ ทุกคนในที่นั้นเงียบลงทันที
วิ้ว วิ้ว

“เสียงลมพัด” โคโกโร่พูดขึ้น
“แต่ในนี้ไม่มีหน้าต่าง ไม่มีทางไหนที่ลมจะพัดได้เลย นอกจาก…” เฮย์จิพูด
“ห้องใต้ดิน” โคนัน โคโกโร่ เฮย์จิพูดพร้อมกันอีกครั้ง
โคนันเดินไปเรื่อย ๆ ก็เห็นผนังที่นึงนูนขึ้นมาเขาจึงเอามือกดลงไป ทันใดนั้นผนังตรงนั้นก็ยุบตัวลงไปช้า ๆ ทันใดนั้นที่พื้นซึ่งเป็นปูนก็กำลังส่งเสียงดังเหมือนจะแยกจากกัน
ครืน ครืน

ทันใดนั้นพื้นที่บริเวณกลางโรงงานก็แปลสภาพเปลี่ยนจากพื้นปูนกลายเป็นพื้นไม้

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...