สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่า เจ้าหน้าที่สืบสวนของทางการสหรัฐเริ่มสอบปากคำผู้ต้องหาคดีลอบวางระเบิดการแข่งขัน “บอสตัน มาราธอน” แล้ว หลังตั้งข้อหาที่อาจทำให้ได้รับโทษถึงขั้นประหารชีวิต เบื้องต้นคนร้ายให้การว่า เรื่องของศาสนาเป็น “แรงบันดาลใจ” ในการก่อเหตุ
เจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐเดินทางเข้าตั้งข้อหาเจตนาก่อการร้ายต่อสหรัฐอเมริกา ด้วยการใช้อาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง และเจตนาทำลายทรัพย์สินสาธารณะด้วยวัตถุระเบิด ต่อนายโชการ์ ซาร์นาเยฟ วัย 19 ปี ถึงข้างเตียงผู้ป่วย ภายในศูนย์การแพทย์เบธ อิสราเอล ดีโคเนส ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ สถานที่พักรักษาตัวของซาร์นาเยฟ ซึ่งบาดเจ็บสาหัสที่ลำคอ อันเป็นผลพวงจากการยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ ก่อนถูกจับกุม เมื่อวันที่ 19 เม.ย.
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้เริ่มขั้นตอนสอบปากคำเบื้องต้นต่อซาร์นาเยฟแล้ว โดยใช้วิธีให้เด็กหนุ่มเขียนคำให้การลงบนกระดาษ ซึ่งเบื้องต้นสามารถเปิดเผยได้เพียงว่า ซาร์นาเยฟและพี่ชาย คือทาเมอร์ลัน วัย 26 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการถูกยิงวิสามัญไปก่อนหน้านี้ มีแรงจูงใจจาก “ศรัทธาอันแรงกล้าและรุนแรง” ในศาสนา พร้อมกับยืนยันว่า ไม่ได้ทำงานร่วมกับองค์กรก่อการร้ายแห่งใดทั้งสิ้น นอกจากนี้ ซาร์นาเยฟยังเขียนคำให้การด้วยว่า พี่ชายของเขาเป็นผู้วางแผนการทั้งหมด เพื่อปกป้อง “ศาสนา” จากการโจมตีของผู้ไม่หวังดี
ขณะที่นายเจย์ คาร์นีย์ โฆษกทำเนียบขาว ยืนยันว่า กระบวนการยุติธรรมของสหรัฐจะตัดสินและลงโทษซาร์นาเยฟ ในฐานะ “พลเมือง” ของสหรัฐที่กระทำผิดด้วยการประพฤติตนเป็นอาชญากร หลังสมาชิกสภาคองเกรสจากพรรครีพับลิกันจำนวนหนึ่งเรียกร้องให้ปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มดังเช่นผู้ต้องหา “คดีก่อการร้ายรุนแรง” ที่กำลังถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำทหารสหรัฐ บนอ่าวกวนตานาโม