พรรค LDP หรือ Liberal Democratic Party of JAPAN ได้เสนอร่างขออนุมัติการยกเว้นวีซ่าให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 3 ประเทศ ซึ่งมีประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนิเซีย……เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้กว่า 20 ล้านคนในปีหน้า และเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจในฐานะเมืองท่องเที่ยวขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง!!! โดยจะใช้เวลาในการอนุมัติถึง 17 วัน…

ทั้งนี้ทางประธานคณะกรรมการการท่องเที่ยวแห่งชาติของญี่ปุ่น นายโคโซะ ยามาโมโตะ (山本幸三) ก็กำลังดำเนินการรวบรวมเนื้อหาในนโยบายครั้งนี้เพื่อเสนอต่อสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

นอกจากประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 3 ประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าแล้ว ยังมีประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินเดีย และรัสเซีย ฯลฯ ที่จะได้รับการผ่อนผันเปลี่ยนรูปแบบวีซ่าให้สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ไม่จำกัดครั้งอีกด้วย (ภายในวันหมดอายุ) ซึ่งพรรค LDP จะยื่นร่างขออนุมัตินี้ในเดือนมิถุนายนอีกครั้งหนึ่ง…

ทั้งนี้ร่างขออนุมัติการยกเว้นวีซ่านั้นได้มีเหตุผลมาจาก การลดลงอย่างน่าตกใจของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่มาท่องเที่ยวในหมู่เกาะโอกินาว่าปีที่แล้ว เหลือเพียง 8 ล้านกว่าคน ซึ่งในปีนี้จะพยายามเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ถึง 10 ล้านคน และปีหน้าเป็น 20 ล้านคน ยิ่งไปกว่านั้นทางการท่องเที่ยวของญี่ปุ่นก็ได้เล็งเห็นว่าจะนำนักท่องเที่ยวจากเอเชียและรัสเซียมาชดเชยนักท่องเที่ยวของจีนที่หายไป

ส่วนนักท่องเที่ยวของจีนนั้น ได้มีการให้วีซ่าที่สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นในจังหวัดที่ประสบภัยแผ่นดินไหวทางตอนเหนือเช่น มิยางิ ฟุกุชิมะ และอิวาเตะ อย่างไม่จำกัดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็ไม่ค่อยได้ผลทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงยกเลิกไป!!!

เนื้อหาคร่าวๆของร่างขออนุมัติการยกเว้นวีซ่า มีดังนี้

1. จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ได้ 20 ล้านคนในปีหน้า
2. จะยกเว้นวีซ่าให้ประเทศไทย มาเลเซีย และอินโดนิเซีย ส่วนประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์ อินเดีย รัสเซีย ฯลฯ จะได้รับการผ่อนผันเปลี่ยนรูปแบบวีซ่าให้สามารถเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ไม่จำกัดครั้ง
3. จะเพิ่มศูนย์ยื่นคำร้องเพื่อการขออนุมัติวีซ่าและเจ้าหน้าที่
4. จะยกเว้นภาษีเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ
5. จะมีนโยบายในการเปิดประชุมระดับนานาชาติภายใต้หัวข้อเรื่องของสถานที่ทางประวัติศาสตร์

ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร? เชื่อได้ว่าเรื่องการขอวีซ่าของประเทศญี่ปุ่นนั้นก็คงจะต้องคืบหน้าขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ไม่มากก็น้อย… ตอนนี้ที่เราคนไทยสามารถทำได้ก็คือรอฟังข่าวดีจากทางรัฐบาลญี่ปุ่นเท่านั้น!!!