สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมดำเนินคดีต่อผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิดในการแข่งขัน “บอสตัน มาราธอน” ที่รอดชีวิตแต่ยังมีอาการสาหัส พร้อมกับเผยหลักฐานที่เชื่อถือได้ว่า หากไม่ถูกจับกุมเสียก่อน คนร้ายซึ่งมี 2 คน อาจเตรียมก่อวินาศกรรมในสถานที่อื่นอีก

ผู้บัญชาการตำรวจเมืองบอสตัน เอ็ด เดวิส ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เฟซ เดอะ เนชั่น” ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่อาจเปิดเผยถึงรายละเอียดของข้อกล่าวหาได้ แต่เบื้องต้นคาดว่ากระทรวงยุติธรรมซึ่งรับผิดชอบในประเด็นนี้ จะตั้งข้อหาก่อการร้ายทั้งในระดับรัฐและระดับประเทศ ต่อนายโชการ์ ซาร์นาเยฟ วัย 19 ปี 1 ใน 2 คนร้ายต้องสงสัยก่อเหตุวางระเบิดที่จุดเข้าเส้นชัยของการแข่งขันกรีฑาประจำปีบอสตัน มาราธอน เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บอีกราว 180 ราย ก่อนที่โชการ์ และผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นพี่ชาย คือทาเมอร์ลัน วัย 26 ปี จะก่อเหตุดวลปืนหลบหนีการไล่ล่าของเจ้าหน้าที่ ซึ่งผลที่ตามมาคือทาเมอร์ลันถูกยิงวิสามัญเสียชีวิตไปก่อน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ขณะที่โชการ์หลบหนีได้เพียง 1 วัน ก่อนจนมุมหลังดวลปืนกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งสามารถยิงถูกจุดสำคัญ คือบริเวณลำคอของเด็กหนุ่ม
 

ล่าสุดอาการของโชการ์ยังสาหัสแต่ทรงตัว บาดแผลฉกรรจ์ที่ลำคอทำให้เขาเปล่งเสียงไม่ได้ กลายเป็นอุปสรรคต่อการให้ปากคำ คาดว่าเจ้าหน้าที่อาจใช้วิธีให้เขียนคำให้การแทน ขณะที่ทั่วทั้งศูนย์การแพทย์เบธ อิสราเอล ดีโคเนส ในเมืองเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นสถานที่รักษาตัวของผู้ต้องสงสัย เต็มไปด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งหน้าห้องผู้ป่วย และทุกส่วนของโรงพยาบาล
 

ทั้งนี้ เดวิสเชื่อว่า พี่น้องซาร์นาเยฟเตรียมก่อเหตุรุนแรงขึ้นอีก หลังเจ้าหน้าที่พบระเบิดมือ และสรรพาวุธจำนวนมากในที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ยังไม่พบหลักฐานเกี่ยวกับเป้าหมายต่อไป เว้นแต่เพียงว่า ทั้งคู่ประกอบระเบิดขึ้นเอง และซื้ออาวุธปืนจากแหล่งอื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังเร่งสืบสวนแกะรอยเพื่อหาที่มาของอาวุธเหล่านี้ ด้วยความหวังว่า อาจจะช่วยไขปริศนาที่กำลังเป็นที่ถกเถียงไปทั่วว่า ทั้งสองคนก่อวินาศกรรมที่เมืองบอสตันด้วยจุดประสงค์อันใด