สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ว่า กองทัพรัฐบาลซีเรียเปิดฉากโจมตีเมืองแห่งหนึ่งชานกรุงดามัสกัส ซึ่งเชื่อว่าเป็นอีกหนึ่งฐานที่มั่นสำคัญของนักรบฝ่ายต่อต้าน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 80 ศพ ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง
องค์กรผู้สังเกตการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งซีเรีย ( เอสโอเอชอาร์ ) ซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่กรุงลอนดอน ของอังกฤษ รายงานว่า ปฏิบัติการโจมตีมีขึ้นที่เมืองไจเดต อัล-ฟาดล์ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกรุงดามัสกัส หลังพื้นที่นี้มีการต่อสู้ยืดเยื้อมานาน 5 วันเต็ม ด้วยจุดประสงค์เพื่อทำลายฐานที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายรอบเมืองหลวงของประเทศให้ได้มากที่สุด ผลจากการโจมตีทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 80 ศพ แต่อาจเพิ่มสูงขึ้นอีก เนื่องจากยังมีเสียงปืนและระเบิดดังขึ้นอยู่เป็นระยะ
ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์ นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ประกาศเพิ่มการให้ความช่วยเหลือทางทหาร “ที่มิใช่อาวุธ” แก่กองกำลังฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียอีก 2 เท่า ให้เป็นกว่า 123 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 3.56 พันล้านบาท ) ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยารักษาโรค และเครื่องมือสื่อสาร แม้ก่อนหน้านี้จะออกมาปฏิเสธตลอดร่วมกับสหภาพยุโรป ( อียู ) ว่า ไม่เคยมอบความสนับสนุนใดๆแก่นักรบกบฏ ท่ามกลางความวิตกกังวลในเรื่องที่อาวุธร้ายแรงอาจหลุดไปถึงมือของกลุ่มนักรบหัวรุนแรง ซึ่งมีสายสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายอัล-กออิดะห์ ที่แฝงตัวอยู่กับกลุ่มกบฏ