มื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าวเอพี มีรายงานว่า แคทเธอรีน คิว วัย 50 ปี ถูกจับหลังจากที่เธอได้เฉือนอวัยวะเพศของสามีไปทิ้งลงถังขยะ ซึ่งเป็นการฆ่าสามีของเธอให้ตายทั้งเป็น และแพทย์ไม่สามารถที่จะต่ออวัยวะเพศสามีของเธอคืนดังเดิม ทำได้เพียงผ่าตัดเพื่อให้สามารถปัสสาวะได้
โดยในการเปิดการพิจาณาคดีของเธอรอบแรกในศาล รองอัยการเขตของศาล จอนห์ คริสตี ได้กล่าวในการแถลงเปิดการตัดสินคดีของแคทเธอรีนว่า แคทเธอรีน โกรธ เนื่องจากสามีของเธอกำลังแอบคบกับแฟนเก่าของเขา เธอจึงวางยาสลบในอาหารของเขาเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ค.ศ. 2011 (พ.ศ. 2554) ก่อนจะผูกเขาไว้ที่เตียง และตัดอวัยวะเพศของเขาไปทิ้งถังขยะ
ขณะที่ สามีของเธอซึ่งไม่ถูกเผยชื่อต่อสื่อเนื่องจากเป็นเหยื่อของการกระทำผิดทางเพศ กล่าวต่อศาลว่า ภรรยาได้ฆ่าเขาทั้งเป็นไปแล้ว ในคืนที่เกิดเหตุ เขาจำได้ว่าตัวเองตื่นขึ้นมาตอนที่ถูกผูกติดอยู่บนเตียง และทันใดนั้นก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่เสียดแทงเข้ามา แคทเธอรีน ทำให้เขาไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้อีกแล้ว ซึ่งแม้ว่าในตอนนี้สภาพจิตใจของเขาจะดีขึ้นแล้ว แต่มันก็ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
และในรายงานเปิดการพิจารณาคดีของ รองทนายความของรัฐ แฟรงก์ บิททาร์ ก็ได้เล่าให้คณะลูกขุนฟัง ถึงวัยเด็กที่เจ็บปวดของแคทเธอรีนในช่วงสงครามเวียดนาม ซึ่งทำให้เธอมีอาการป่วยทางจิต ซึ่งทำให้พวกเขาควรจะกันเธอออกจากการพิสูจน์ความผิดในการประทุษร้ายจากความกราดเกรี้ยวและความทรมาน
โดยแฟรงก์เล่าว่า แคทเธอรีนพบกับสามีในยิม และหลังจากที่แต่งงานกันสามีของเธอก็ได้ล่วงละเมิดต่อเธอทั้งทางเพศและทางวาจา ทั้งยังดำเนินการฟ้องหย่าในขณะที่ยังคงอาศัยอยู่ด้วยกันในบ้านของเขาที่การ์เด้นโกรฟ เซาท์อีส ลอสแอนเจลิส สหรัฐฯ
พร้อมกันนั้น อัยการยังได้นำคลิปเสียงจากเครื่องอัดเสียงที่แคทเธอรีนซ่อนไว้ในห้องน้ำ มาเปิดในศาลด้วย ซึ่งมีเสียงตะโกนว่า "คุณสมควรได้รับมันแล้ว" 3 ครั้ง ก่อนที่แคทเธอรีนจะลงมือต่อสามีของเธอ