ท่ามกลางอากาศสดใสในเช้าวันหนึ่ง เรือนำเที่ยวขนาดพอเหมาะกำลังค่อย ๆ เคลื่อนออกจากท่าเรือในอ่าวสิงคโปร์ มันอาจไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้ หากผู้โดยสารบนเรือลำนั้นเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปไม่ใช่เจ้าตูบ 4 ขาที่ขึ้นนั่งชมวิวอย่างมีความสุข
“นี่เป็นการล่องเรือครั้งที่สามของพวกมัน มันดูมีความสุขกับการชมความสวยงามของท้องทะเลที่ล้อมรอบอยู่” แอนดี้ พี วัย 43 ปี เจ้าของลาบราดอร์สีดำ 2 ตัว สีเหลืองหนึ่ง โกลเดนรีทรีฟเวอร์หนึ่ง และเจ้าพันทางอีก 2 ตัว กล่าว
ไม่ว่าจะเป็นการล่องเรือ การเข้าสปา ไปจนถึงเมื่อพวกมันตายลง สัตว์เลี้ยงในสิงคโปร์ เมืองที่ติดอันดับค่าครองชีพสูงที่สุดในเอเชียแห่งนี้ ดูจะได้รับการตามใจและประคบประหงมเป็นพิเศษ
โจ โหว เจ้าของเรือเริ่มเปิดให้บริการเรือนำเที่ยวสำหรับสัตว์เลี้ยงเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว เรือขนาด 26 ฟุต หรือ 7.8 เมตร ของเขาไม่เพียงมีส่วนสำหรับการลงเล่นน้ำ แต่ยังมีพื้นที่สำหรับการทำความสะอาด ไปจนถึงเสื้อชูชีพสำหรับเจ้าตูบโดยเฉพาะ
ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ราคาค่าบริการสำหรับการนำเที่ยวเป็นเวลา 2 ชั่วโมงอยู่ที่ 40 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 950 บาท สำหรับสุนัข 1 ตัว หรือคน 1 คน แต่หากต้องการความเป็นส่วนตัวอาจเหมาจ่ายในราคา 400 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 9,500 บาท
“คู่แต่งงานใหม่มักจะเลี้ยงสัตว์ไว้เป็นเพื่อนก่อนที่พวกเขาจะมีลูก พวกมันจะทำหน้าที่เหมือนเป็นตัวแทนของโซ่ทองที่จะเกิดมาคล้องใจคนสองคนไว้ด้วยกันก่อนที่ตัวจริงจะเกิดมา”
ทุกสัปดาห์นายหน้าเกษียณอายุอย่างโจ จะนำเรือสองลำของเขาออกให้บริการลูกค้าผู้เป็นเจ้าของเจ้าตูบที่ต้องการพวกมันเที่ยว
พี บอกว่า พวกมันก็เหมือนกับเด็ก ๆ เป็นเหมือนลูกของเขา เพราะเขาเองก็ยังโสด เขาจะพาพวกมันมุ่งหน้าไปยังเกาะเซลตาร์ ที่ที่ลูก ๆ ของเขาจะลงเล่นน้ำทะเลได้อย่างสนุกสนาน
ข้อมูลของรัฐบาลสิงคโปร์ ระบุว่า ในปี ค.ศ. 2012 มีสุนัขที่ลงทะเบียนอยู่ถึง 57,000 ตัว ขณะที่เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้มีประชากรอยู่กันอย่างหนาแน่นถึง 5.3 ล้านคน พวกเขาต้องอาศัยอยู่ในห้องชุดที่สูงเสียดฟ้า โดยมีห้องขนาดเล็ก ๆ ไว้ให้พวกมันได้วิ่งเล่น
ปัจจุบันมีร้านจำหน่ายสัตว์เลี้ยงถูกกฎหมายในสิงคโปร์ราว 250 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเปิดบริการอยู่ในชอปปิงมอลล์ ร้านขายสัตว์เลี้ยงที่ว่าไม่ได้มีแค่สุนัขหรือแมวเท่านั้น พวกเขาขายทุกอย่างตั้งแต่สัตว์ขนาดเล็กอย่างหนูแฮมสเตอร์ราคาตัวละ 10 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 250 บาท ไปจนถึงสุนัขพันธุ์แท้ตัวละเป็นพันเหรียญสิงคโปร์
มาคัส คู ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารของเพทโทเปีย ร้านให้บริการเสริมสวยสุนัขแบบครบวงจร รวมทั้งการรับฝากเลี้ยง บอกว่า เจ้าของแต่ละคนพร้อมที่จะจ่ายเพื่อให้สุนัขของพวกเขาได้รับการบริการสุดพิเศษ
ร้านที่ได้รับการตกแต่งอย่างทันสมัย ที่ผนังมีปลอกคอและถ้วยรางวัลโชว์อยู่ เพื่อให้เจ้าของสุนัขที่พาพวกมันมารับบริการมั่นใจได้ในบริการที่สุดแสนพิเศษ
“ทุกคนจะเข้าใจดีว่าหากต้องการให้สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพที่ดี มันไม่ใช่แค่การตัดขนทรงเก๋ หรืออาศัยแค่อาหารดี ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น”
เพื่อให้สุนัขของตัวเองมีคุณภาพชีวิตที่ดีเลิศ แน่นอนว่าไม่มีอะไรถูก บริการอาบน้ำสุนัขด้วยโฟมผสมทรีตเมนต์อย่างดีมีสนนราคาค่าบริการอยู่ที่ 64-119 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 1,500-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดของสุนัข
ยังไม่รวมของใหม่อย่างโยคะสุนัขหรือที่เรียกรวมว่า โดคะ (Doga) ซึ่งเพิ่งเข้ามาในสิงคโปร์หลังจากแพร่หลายและได้รับความนิยมในไต้หวันและฮ่องกงมาก่อนหน้านี้
“สุนัขมักจะอยู่นิ่ง ๆ เฉย ๆ เวลาที่อยู่บ้าน ดังนั้นโดคะจะเป็นทางออกที่ดีสำหรับเจ้าของและสุนัข” โรซาริน โอว เจ้าของซุปเปอร์ คัดเดิล คลับเฮาส์ ซึ่งเปิดให้บริการโยคะสำหรับสุนัขเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บอกถึงเหตุผล
โดยมีบริการพิเศษเป็นการโฆษณาในเดอะ สเตรท ไทม์สฉบับวันอาทิตย์ สำหรับเจ้าของที่ต้องการไว้อาลัยให้กับสุนัข เพื่อนที่แสนดีผู้จากไป โดยมีเพทส์ ครีเมชั่น เซ็นเตอร์ ทำหน้าที่ในการให้บริการเช่าช่องสำหรับเก็บอัฐิของสุนัขอยู่นอกเมือง
“เจ้าของสุนัขบางรายรักสัตว์เลี้ยงของเขาราวกับเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว ซึ่งเป็นเรื่องสะเทือนใจมากเมื่อต้องจากกัน เพราะพวกมันไม่เพียงจะนอนด้วยกันกับเจ้าของแต่ยังไปไหนมาไหนด้วยกันทุกหนแห่ง” แพททริก ลิม เจ้าของกิจการวัย 60 ปี ระบุ
เจ้าของจะต้องจ่ายเงินราว 300 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 7,000 บาทต่อปี เพื่อเช่าที่สำหรับเก็บกระดูกของพวกมัน แต่ปัจจุบันราคาลดลงเหลือเพียง 180 เหรียญสิงคโปร์ หรือราว 4,300 บาท ซึ่งไม่รวมค่าดูแลรักษา
แต่ใช่ว่าสัตว์เลี้ยงในสิงคโปร์จะได้รับการดูแลอย่างดีเหมือนอย่างนั้นทุกตัว หน่วยงานป้องกันการทารุณสัตว์ระบุว่า แต่ละเดือนมีสัตว์ที่ถูกทิ้งถึง 600 ตัว แต่กลับไม่มีใครพูดถึงด้านลบที่ว่านี้
ไม่ว่าจะไทยหรือสิงคโปร์ ก่อนที่คิดจะเลี้ยงเจ้าตูบหรือสัตว์เลี้ยงใด ๆ สักตัว ต้องแน่ใจแล้วว่าคุณจะสามารถเลี้ยงดูพวกมันไปตลอดรอดฝั่ง ไม่ใช่รักก็เอาใจจนคนหมั่นไส้ พอเบื่อก็ทิ้งขว้างจนเป็นภาระของสังคม.