เมื่อวันจันทร์ที่ 15 เมษายน ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญคนทั้งโลก เมื่อเกิดเหตุระเบิดขึ้นถึง 2 ครั้งใกล้กับเส้นชัยของการแข่งวิ่งมาราธอน เมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งรายการดังกล่าวนับเป็นการแข่งวิ่งมาราธอนประจำปีที่เก่าแก่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความสูญเสียครั้งร้ายแรงต่อสิ่งของต่างๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและล้มตายด้วย ซึ่งในช่วงเวลาที่ยากลำบากแบบนี้คนเราควรที่จะยื่นมือช่วยเหลือผู้ที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับเรื่องแบบนี้ เหมือนกับ คาร์ลอส อาร์เรดอนโด้ ชายชาวคอสตาริกา คนหนึ่งที่ทุ่มสุดตัวกับการช่วยเหยื่อของเหตุระเบิดจนได้รับการยกย่องให้เป็นฮีโร่ไปเรียบร้อย
อาร์เรดอนโด้ วัย 52 ปี ไปร่วมงานแข่งมาราธอนดังกล่าวเพื่อทักทายกับนักวิ่งที่ลงแข่งเพื่ออุทิศให้กับ อเล็กซานเดอร์ ลูกชายของเขา ซึ่งเป็นทหารเรือยศสิบตรี ที่เสียชีวิตจากการโดนซุ่มยิงในประเทศอิรัก เมื่อปี 2004 ซึ่งตอนแรกเขาก็กำลังนั่งรออยู่ในอัฒจันทร์ชั้นวีไอพี ร่วมกับภรรยาของเขาตามปกติ
อย่างไรก็ตาม จู่ๆ ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อเกิดการระเบิดขึ้นบริเวณเส้นชัยของการแข่ง แต่ในขณะที่คนอื่นๆ กำลังวิ่งหนีกันอย่างจ้าละหวั่นนั้น อาร์เรดอนโด้ กลับกระโดดข้ามรั้วและพุ่งตรงไปยังที่เกิดเหตุแบบไม่กลัวตาย ด้วยหมายที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมโลกให้ได้
อาร์เรดอนโด้ สามารถช่วยเหลือเหยื่อจากเหตุระเบิดได้หลายคน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เจฟฟ์ เบาแมน จูเนียร์ ชายวัย 27 ปี ที่เสียขาทั้ง 2 ข้าง โดยชายสุดกล้าหาญลงทุนใช้เสื้อและผ้าเช็ดตัวของเขามาห้ามเลือดของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับช่วยให้ เบาแมน จูเนียร์ ขึ้นรถเข็น และพาเขาไปที่รถพยาบาลเป็นการด่วน แถมเขายังใช้มือเปล่าๆ ช่วยปิดหนึ่งในหลอดเลือดแดงตรงโคนขาของ เบาแมน จูเนียร์ อีกต่างหาก
นอกจากนี้ อาร์เรดอนโด้ ยังช่วยยกซากปรักหักพัง และรั้วกั้นที่โดนแรงระเบิดทำลายทิ้งไปเพื่อเปิดทางให้ทีมแพทย์เข้าไปช่วยเหยื่อที่ถึงขั้นเลือดตกยางออกหลายคนด้วย โดยตอนนี้ เบาแมน จูเนียร์ หนึ่งในคนที่เขาช่วยไว้นั้นมีอาการที่ทรงตัวแล้ว และหากไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงทีจาก อาร์เรดอนโด้ แล้วนั้น เบาแมน จูเนียร์ ก็อาจจะไม่รอดแล้วก็เป็นได้
ชายชาวคอสตาริกา เปิดอกว่า ภาพที่ตนเห็นนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ตนรู้สึกหวาดผวามาก ''มันมีเลือดนองเต็มพื้น มีเลือดอยู่เต็มไปหมด แล้วจากนั้นคุณก็เห็นกระดูกซี่โครงกระจัดกระจายอยู่ทั่ว และผมหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ ผมโดดข้ามรั้วทันทีหลังจากเกิดการระเบิดครั้งแรก แล้วสิ่งที่ผมเห็นก็คือกองเลือด และผู้คนที่เสียอวัยวะไป ผมเห็นผู้ใหญ่หลายคนที่มีอายุน้อยกว่าผมเยอะ, ผู้หญิง, ผู้ชายที่ได้รับแรงระเบิดครั้งนี้ และทุกคนก็สลบเหมือดลงไปกับพื้นถนนด้วย''
อาร์เรดอนโด้ เสริมว่า ตอนที่ตนบุกไปช่วยชีวิต เบาแมน จูเนียร์ นั้นตนต้องคอยเรียกอีกฝ่ายอยู่ตลอดเพื่อไม่ให้หมดสติไป ''ผมคอยพูดกับเขาอยู่ตลอด ผมพร่ำพูดว่า -อยู่กับฉันไว้ อยู่กับฉันไว้นะ-''
สำหรับ อาร์เรดอนโด้ นั้นนับเป็นชายที่สู้ชีวิตคนหนึ่ง เพราะเขาเคยคิดที่จะฆ่าตัวตายด้วยการเผาตัวเองในรถแวนมาแล้วหลังจากที่เสีย อเล็กซานเดอร์ ไป แต่เขาก็รอดมาได้ จนเปลี่ยนใจหันไปพยายามทำแคมเปญต่อต้านสงคราม เพื่อไม่ให้ใครต้องมาประสบชะตากรรมเหมือนลูกของเขา ซึ่งนี่คือตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าหากคุณไม่ย่อท้อ และเดินหน้าใช้ชีวิตต่อไปแล้วนั้น บางทีคุณอาจจะได้ช่วยชีวิตอีกหลายชีวิตก็เป็นได้