สภาเมืองอิสลามในจังหวัดอาเจ๊ะห์ ประเทศอินโดนีเซีย ได้ออกกฎห้ามผู้หญิงผายลมมีเสียง อันเนื่องมาจากขัดกับหลักศาสนา

นายซายิด ยาเฮีย นายกเทศมนตรีของเมือง ได้ระบุว่า การห้ามผู้หญิงไม่ให้ผายลมมีเสียงถือเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากการผายลมมีเสียงขัดกับค่านิยมอันดีงามของศาสนาอิสลาม โดยผู้หญิงมุสลิมไม่ได้รับอนุญาตให้ผายลมโดยที่มีเสียง และกฎที่ออกมาก็เพื่อที่จะรักษาศีลธรรมและพฤติกรรมอันดีงามของหญิงมุสลิม เมื่อคุณเห็นผู้หญิงผายลมเสียงดัง นั่นจะทำให้เธอดูเหมือนผู้ชาย แต่หากเธอเผยอก้นและผายลมอย่างแผ่วเบา นั่นจะทำให้เธองดงามสมกับเป็นกุลสตรี

ส่วนทางด้านนายกเทศมนตรีของเมือง ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะลงโทษผู้ฝ่าฝืนกฎห้ามสตรีผายลมเสียงดังอย่างไร ในขณะที่สมาชิกสภาเมืองนิรนามผู้หนึ่ง กล่าวว่า หากผู้ต้องหาถูกจับขึ้นศาลศาสนาแล้ว พวกเขาจะถูกโบย 20 ครั้งสำหรับการผายลมเบา ๆ และอาจต้องจำคุกนาน 3 เดือนสำหรับการผายลมมีเสียงหนัก ๆ

อย่างไรก็ดี แม้ว่ากฎข้อนี้ จะไม่ได้ห้ามสตรีผายลม แต่การห้ามสตรีผายลมโดยที่มีเสียงนั้น ถือเป็นเรื่องที่ผิดปกติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยนางฟาติมา ข่าน แพทย์ประจำโรงพยาบาลอิสลาม อัล บานนิ ในจังหวัดอาเจ๊ะห์ ได้ออกมาวิจารณ์ถึงกฎดังกล่าวว่า ไม่มีประโยชน์ที่จะมาตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการผายลมเสียงดัง ขอให้ผายลมออกมาตามธรรมดา เพราะนี่คือสิ่งที่ผู้คนทำเพื่อสุขภาพกันทั้งนั้น

ขณะที่ด้านนายบิชาร์ อับดุลลาห์ นักเคลื่อนไหวในด้านศาสนาอิสลาม ได้ออกมาคัดค้านกับสิ่งที่เกิดขึ้นเช่นกัน โดยกล่าวว่า ไม่มีการวางระเบียบวิธีการผายลมในกฎการควบคุมพฤติกรรมของศาสนาอิสลาม และไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้ในคัมภีร์อัลกุรอาน แต่ประเพณีดั้งเดิมของอิสลามและค่านิยมด้านการดูแลความเรียบร้อยของพฤติกรรมนั้น ไม่ได้สนับสนุนให้ผู้หญิงผายลมเสียงดังแต่อย่างใด

และจากการออกกฎดังกล่าว ผู้หญิงที่อยู่ในสถานที่สาธารณะจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด และสามีจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อพฤติกรรมของภรรยาในบ้าน โดยให้ภรรยาจะยึดถือค่านิยมอันดีของศาสนาอิสลามในทุก ๆ ที่ โดยทางสภาเมืองจะร่วมกันประเมินเกี่ยวกับข้อบังคับนี้ในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะมีการออกเป็นกฎหมายต่อไป