หลายปีก่อนองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) ได้มีผลวิจัยออกมาว่าคนไทยอ่านหนังสือโดยเฉลี่ยปีละ 8 บรรทัด แค่นี้ก็แทบจะเหลือเชื่อแล้วเพราะสวนทางกับว่าอัตรารู้หนังสือของประเทศเราที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ประกาศออกมาเมื่อปีที่แล้วอยู่ที่ร้อยละ 97

แต่ล่าสุดนี้ทางยูเนสโกออกมาพูดถึงผลวิจัยล่าสุดว่า "คนไทยอ่านหนังสือน้อยลงอีกแค่ปีละ 4 บรรทัด" เช่นอ่านเฉพาะพาดหัวข่าวแต่ไม่อ่านเนื้อข่าว และมีสาเหตุมากจากทุกวันนี้คนไทย อ่านเฟซบุ๊ค อ่านทวิตเตอร์ อ่านสารพัดโซเชียวมีเดีย รียกว่าเป็นผู้บริโภคสื่อประเภทนี้เป็นอันดับต้นๆของโลก รวมถึงบางคนต้องการ "ความเป็นส่วนตัวสูง " หรือ Height Privacy ทำให้สื่อสารในโลกความเป็นจริงน้อยลง

ที่น่าห่วงมากที่สุดก็คือบรรดาเด็กที่กำลังเติบโตในช่วงห้าปีหลังมานี้เพราะหมกมุ่นกับเทคโนโลยีมากไปตั้งแต่อายุยังน้อย เริ่มสร้างโลกของตัวเอง ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง และเมื่ออายุมากขึ้นจะเข้ากับคนอื่นๆไม่ได้และมีปัญหาตามมามากมาย คงต้องเริ่มกันตั้งแต่วันนี้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียใหม่ดีกว่าให้ผลวิจัยบอกว่าคนไทยไม่อ่านหนังสือเลย!!!

ขอบคุณข้อมูล : Chalida Rita

อ้างอิงแหล่งข้อมูลจาก : วันการรู้หนังสือสากล-International Literacy Day องค์การ UNESCO

แต่โดยสรุป ผมว่าการสำรวจมุ่งเน้นไปที่การอ่านหนังสือ (หนังสือที่พิมพ์ในรูปแบบกระดาษ) น้อยลงมากกว่า เพราะในข้อมูลก็บอกอยู่ว่าเด็กไทยมุ่งเน้นไปที่การอ่านจากสื่อทางอินเตอร์เน็ตมากกว่า จริงๆ ก็ถือเป็นการอ่าน แต่คนละรูปแบบกัน ประเด็นน่าจะอยู่ที่ผู้สำรวจคงมองเรื่องของการมีปฏิสัมพันธ์ของบุคคลน้อยลง อาจก่อให้เกิดการปัญหาเมื่ออยู่ในสังคมจริงๆ เช่นชีวิตการทำงาน สังคมของเพื่อน หรือชีวิตครอบครัวมากกว่าการไม่รู้หนังสือ เพราะผมเองก็เป็นคนหนึ่งที่อ่านหนังสือจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มากกว่าสิ่งพิมพ์ที่อยู่บนกระดาษ ดังนั้นผมก็ไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเผยแพร่เรื่องราวให้ดูเด็กไทยแย่ขนาดนั้น ก็เป็นความเห็นส่วนตัวทิ้งท้ายของเจ้าของกระทู้ (ไม่เกี่ยวกับบทความ)