สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ว่า อุณหภูมิบนคาบสมุทรเกาหลีกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อเกาหลีเหนือประกาศกร้าวจะขอ “ล้างแค้น” ฝั่งใต้ แบบไม่ให้ทันตั้งตัว หากรัฐบาลโซลไม่ออกมาขอโทษกรณีที่มีนักเคลื่อนไหวออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านฝั่งเหนือ ด้วยการเผาทำลายรูปภาพของอดีตผู้นำ และผู้นำคนปัจจุบันอันเป็นที่รักยิ่ง
สำนักข่าวกลางเกาหลี ( เคซีเอ็นเอ ) กระบอกเสียงของทางการเปียงยาง รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของกองทัพประชาชนเกาหลี ( เคพีเอ ) ที่ระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้มีเจตนาปล่อยปละละเลย ให้กลุ่มผู้ชุมนุมราว 40 คน ออกมารวมตัวกันกลางกรุงโซล พร้อมกับเผาทำลายภาพถ่ายและภาพวาดของอดีตผู้นำอันเป็นที่รักและเคารพยิ่งของชาวเกาหลีเหนือ ได้แก่ นายคิม อิล-ซุง นายคิม จอง-อิล รวมถึงผู้นำสูงสุดคนปัจจุบัน คือนายคิม จอง-อึน เมื่อวันที่ 15 เม.ย. ซึ่งถือเป็นวันเดียวกับที่ชาวเกาหลีเหนือกำลังเฉลิมฉลองเนื่องในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 101 ของนายคิม อิล-ซุง การแสดงออกของฝั่งใต้จึงถือเป็นอาชญากรรมอันป่าเถื่อน และสื่อถึงความต้องการสาปแช่งบุคคลทั้งสามอย่างแท้จริง
ดังนั้น เคพีเอจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลโซลออกมาแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการออกมาแสดงความเสียใจ และกล่าวขออภัยต่อเกาหลีเหนืออย่างเป็นทางการโดยเร็วที่สุด ซึ่งจะนำไปสู่การเจรจาอย่างสันติตามความต้องการของรัฐบาลหุ่นเชิดฝั่งใต้ ที่นำโดยน.ส.ปาร์ค กึน-เฮ มิเช่นนั้นอาจต้องเผชิญกับการโจมตีครั้งรุนแรงแบบโหมกระหน่ำ ที่เปียงยางขอรับรองว่า จะเกิดขึ้นแบบสายฟ้าแลบโดยทีอีกฝ่ายไม่สามารถตั้งตัวได้ทันแน่นอน
ท่าทีแข็งกร้าวครั้งล่าสุดของเกาหลีเหนือ เกิดขึ้นเพียง 1 วัน หลังนายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ เสร็จสิ้นภารกิจการเยือนเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือเป็นเวลา 3 วัน โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อขอความช่วยเหลือจากจีน ในการคลี่คลายวิกฤตการณ์รุนแรงบนคาบสมุทรเกาหลี ที่ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ