เว็บไซต์ businessinsider.com ได้รวบรวม 16 เมืองประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งมวลมนุษยชาติ โดยอ้างองจากข้อมูลของนักประวัติศาสตร์ 3ท่าน คือ Tertius Chandler, Gerald Fox และ George Modelski โดยมี กรุงศรีอยุธยา อดีตราชธานีของไทย ติดอันดับด้วย ซึงนักการทูตชาวตะวันตกที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีด้วยได้เคยบันทึกเอาไว้ว่า เป็นเมืองที่สวยงาม
ทั้งนี้ใช้เกณฑ์เมืองยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคสมัยที่นำมนุษย์เข้าสู่อีกยุคหนึ่ง ทั้งด้านวัฒนธรรม ศิลปวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมการค้า กสิกรรม ขนาดของป้อมปราการ การแจกจ่ายอาหาร ภัยพิบัติต่างๆ บางแห่งถูกเมืองอื่นๆ แซงหน้าในด้านความใหญ่โตและจำนวนประชากร ขณะที่บางเมืองสิ้นสุดลงเพราะถูกทำลาย
16 เมืองใหญ่ในประวัติศาสตร์มวลมนุษย์
1. เจริโค (Jericho) ใหญ่ที่สุดของโลกในยุค 7,000 ปีก่อนคริสตกาล พลเมือง 2,000 คน
ตั้งอยู่ระหว่างทะเลแดงกับภูเขานีโบ (Mt Nebo) เป็นโอเอซิสใหญ่ที่สุด ในคัมภีร์ไบเบิลเก่าบันทึกเอาไว้ว่าเป็น “เมืองแห่งต้นปาล์ม”
2. อูรุค (Uruk) ใหญ่ที่สุดในยุค 3,500 ปีก่อนคริสตกาล พลเมือง 4,000 คน
เป็นเมืองหลวงของแคว้นกิลกาเมช (Gilgamesh) เชื่อกันว่าคือเมืองเอเร็ค (Erech) ที้สร้างโดยกษัตริย์นิมรอด (King Nimrod) ในคัมภีร์ไบเบิล อยู่ใกล้แม่น้ำยูเฟรติส เป็นศูนย์กลางการเกษตรและการค้า สงครามในภูมิภาคที่เริ่มขึ้นเมื่อประมาณ 2000 ก่อนคริสตกาล ต่อมาถูกทิ้งให้ร้างไปในยุคก่อนที่ฝ่ายอิสลามเข้าครอบครอง
3. มาริ (Mari) ในยุค 2000 ก่อนคริสตกาล ประชากร 50,000 คน
เมืองหลวงแคว้นเมโสโปเตเมีย (Mesopotamia) ในยุคของกษัตริย์สุเมเรียนหลายพระองค์ ก่อนเข้าสูยุคอาโมเรียน มีการสร้างพระราชวังขนาด 300 ห้อง ล่มสลายลงใน 1759 ก่อนคริสตกาล ถูกยึดรองโดยกษัตริย์ฮัมมูราบีแห่งบาบีลอน มีการค้นพบจารึกภาษาสุเมเรียน 25,000 ชิ้น ในค.ศ. 1930 ส่วนใหญ่เป็นบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเมือง และเศรษฐกิจ
4. อูร์ (Ur) เป็นเมืองท่าสำคัญในอ่าวเปอร์เซียในยุค 2100 ก่อนคริสตกาล ประชากร 100,000 คน
ค้าขายกับทั่วโลก ราว 500 ก่อนคริสตกาล ถูกทิ้งเป็นเมืองร้างเพราะภัยแล้งที่เกิดจากแม่น้ำที่เปลี่ยนทิศทางไหล แต่ยังเป็นแหล่งศักดิ์สิทธิ์ ต่อมา การขุดค้นในทศวรรษ 1850 พบซากมนุษย์จำนวนมาก เป็น “เมืองแห่งคนตาย” (City of the Dead) หรือนีโครโพลิส (Necropolis)
5. หยินซู (Yinxu) รุ่งเรืองในช่วง 1300 ก่อนคริสตกาล ประชากร 120,000 คน
เป็นแหล่งที่ค้นพบจารึกบนกระดูกสัตว์ที่เรียกว่า ออราเคิลโบน (Oracle Bone) จำนวนมาก เขียนด้วยอักษรจีนโบราณ เมืองทรุดโทรมลงและถูกทอดทิ้งในสมัยราชวงศ์โจว
6. บาบีลอน (Babylon) รุ่งเรืองสุดในช่วง 700 ก่อนคริสตกาล พลเมือง 100,000 คน
เป็นศูนย์กลางความร่ำรวยแห่งยุคสมัยกษัตริย์ทรงอำนาจ และอิทธิพล เป็นแหล่งของสวนลอยบาบีลอน กับหอคอยแห่งบาเบล (Tower of Babel) 538 ก่อนคริสตกาล กษัตริย์ไซรัส (Cyrus) แห่เปอร์เซียยาตราทัพทวนแม่น้ำยูเฟรติสเข้าตี ปล้นสะดมบาบีลอนจนแหลกคามือ
7. คาร์เถจ (Carthage) รุ่งเรืองโดดเด่นในปี 300 ก่อนคริสตกาล พลเมือง 100,000 คน
ได้ชื่อเป็นเมืองยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก ก่อนที่จะถูกกองทัพโรมันที่เหนือกว่าเข้าโจมตี และเผาจนวายวอด และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อ 146 ปีก่อนคริสตกาล
8. โรม (Rome) ยิ่งใหญ่ที่สุดในปี ค.ศ.200 ประชากร 1,200,000 คน
เลี้ยงดูชาวเมืองด้วยอาหารจากยุโรป และรอบๆ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในรูปภาษี แต่ปี ค.ศ.273 โรมเหลือประชากรอยู่ราว 500,000 เริ่มเข้าสู่ยุคมืด (Dark Age)
9. คอนสแตนนิโนเบิล (Constantinople) เจริญสุดขีดในปี ค.ศ.600 ประชากร 600,000 คน
เป็นศูนย์กลางการค้าขาย อาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาลในยุคของจักรพรรดิฟลาวีอุส เฮราคลีอุส ออกัสตัส (Flavius Heraclius Augustus) สงครามเปอร์เซียปี 618 ทำให้การส่งอาหาร และพืชผลการเกษตรจากอียิปต์หยุดชะงัก พลเมืองเริ่มอดอยาก พลเมืองลดจำนวนลงอย่างมาก
10. แบกแดด (Bagdad) ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกในปี ค.ศ.900 ประชากร 900,000 คน
ได้ชื่อเป็นศูนย์กลางของยุคทองแห่งศาสนาอิสลาม เป็นศูนย์กลางของศิลปะ และวิทยาการหลายแขนงที่โลกอิสลามใช้มาจนถึงยุคปัจจุบัน แบกแดดเฟื่องฟูอยู่ 300 ปีเศษ ก่อนจะถูกกองทัพมองโกลรุกราน และถูกตีย่อยยับลงในปี 1250
11. ไคเฟิง (Kaifeng) เป็นเมืองใหญ่มากใน ค.ศ.1200 ประชากร 1,000,000 คน
ตัวเมืองป้องกันแน่นหนาด้วยกำแพงถึง 3 ชั้น แต่ก็ไม่พ้นเงื้อมมือของมองโกลในการศึกที่ยืดเยื้อ 30 ปีเศษ และปี 1234 ไคเฟิงก็แตกพ่าย ราษฎรหลบหนีไปคนละทิศละทาง
12. ปักกิ่ง โดดเด่นมาตั้งแต่ ค.ศ. 1500 ประชากร 1,00,000 คน
ใหญ่โตที่สุดในยุค แต่ไม่สามารถเลี้ยงดูประชากรที่มากมายได้ ราษฎรบุกถางป่าตัดไม้ทำบ้านเรือนที่อาศัย และเผาถ่านเป็นเชื้อเพลิงจนโล่งเตียน จนกลายเป็นปัญหามลพิษไปทั่วภูมิภาค
13. กรุงศรีอยุธยา
เป็นเมืองหลวงอาณาจักรสยามโบราณอยู่กว่า 400 ปี แต่ขึ้นนำหน้าทุกเมืองในโลกในปี ค.ศ.1700 (พ.ศ.2243) ประชากร 1,000,0000 คน เป็นศูนย์กลางการค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าจากสารพัดทิศ รวมทั้งชาวยุโรปด้วย แต่อยุธยาก็สิ้นสุดลงเป็นเถ้าถ่านด้วยน้ำมือของกองทัพพม่า
นักประวัติศาสตร์ได้พบว่า กรุงศรีอยุธยาเคยเป็นเมืองใหญ่ ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ด้วยประชากรราว 1,000,000 คน ช่วง 400 ปีแห่งการเป็นราชธานีนั้น นักการทูตชาวตะวันตกที่เดินทางไปเจริญสัมพันธไมตรีด้วยได้เคยบันทึกเอาไว้ว่า เป็นเมืองที่สวยงาม .. แต่น่าเสียดายที่ถูกพม่าโจมตี และเผาทำลายราบในปี ค.ศ.1767 (พ.ศ.2310)
14. ลอนดอน ใหญ่โตที่สุดในต้นศตวรรษที่ 19 หรือปี ค.ศ.1825 ประชากร 1,335,000 คน
ประชากรอยู่กันแออัดจนเกือบจะทุกย่านของเมืองหลวง มีสภาพเป็นสลัม อาชญากรรมลามเมือง ในปี 1829 รัฐบาลได้ตั้งกองกำลังตำรวจขึ้นอย่างเป็นทางการ ตั้งชื่อตามชื่อของนายกรัฐมนตรีโรเบิร์ต พีล (Robert Peel)
15. นิวยอร์ก ในปี 1925 มีประชากรถึง 7,774,000 คน
เป็นมหานครที่มองสู่อนาคตอย่างแท้จริง เป็นแห่งแรกของโลกที่สร้างตึกระฟ้า ถึงแม้ว่าจะเจอสภาพเศรษฐกิจตกต่ำในปี 1929 แต่การก่อสร้างอาคารสูงก็ยังดำเนินต่อไป
16. โตเกียว ใน ปี 1968 มีประชากรถึง 20,500,000 คน
เศรษฐกิจของประเทศรุ่งเรืองสุดขีด ระหว่างปี 1953-1990 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจยุคหลังสงครามโชติช่วงมากที่สุด ญี่ปุ่นสร้างสิ่งประดิษฐ์สมัยใหม่ออกสู่ตลาดโลกมากมายหลายชนิด