เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 12 เม.ย. ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม ฐานะรองประธานกรรมการคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ เป็นประธานแถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 ประจำวันที่ 12 เม.ย.ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเฝ้าระวังเข้มข้นช่วง 7 วันอันตราย โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ปี 2556 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ "สงกรานต์เป็นสุข ทุกคนปลอดภัย ร่วมใจรักษาวัฒนธรรม" โดยเกิดอุบัติเหตุ 326 ครั้ง ลดลง 17 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 4.96 ผู้เสียชีวิต 39 ราย เพิ่มขึ้น 9 ราย ร้อยละ 30 ผู้บาดเจ็บ 342 คน ลดลง 33 คน ร้อยละ 8.80
นายชัชชาติ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 29.14 ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 21.17 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 78.48 รถปิคอัพ ร้อยละ 11.52 พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ ไม่สวมหมวกนิรภัย ร้อยละ 22.83 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 59.82 บนทางหลวงแผ่นดิน ร้อยละ 46.63 ถนน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 30.06 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 -- 20.00 น. ร้อยละ 31.60 ผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มวัยแรงงาน ร้อยละ 55.90
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า จากการจัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,340 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 67,596 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 476,651 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรการลดพฤติกรรมเสี่ยง 10 มาตรการ รวม 82,895 ราย โดยมีความผิดฐานไม่มีใบขับขี่ 24,469 ราย รองลงมา คือไม่สวมหมวกนิรภัย 23,207 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ 14 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา ยโสธร สงขลา สมุทรสาคร 3 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 17 คน จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุ 10 จังหวัด ได้แก่ ฉะเชิงเทรา ชัยนาท ชัยภูมิ ตราด ปัตตานี ยะลา ศรีสะเกษ สมุทรสงคราม หนองคาย และอำนาจเจริญ จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต รวม 52 จังหวัด
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กล่าอีกว่า วันนี้เป็นวันแรกของวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ คาดว่าประชาชนจำนวนมากจะทยอยเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิเนา ทำให้ถนนสายหลักหลายสายมีปริมาณรถหนาแน่น จึงได้เน้นย้ำให้จังหวัดต่างๆ กำชับเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญกับรักษาชีวิตของประชาชนเป็นเป้าหมายสูงสุด โดยจัดตั้งจุดตรวจบนเส้นทางสายหลักบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องปรามผู้กระทำผิดที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ พร้อมคุมเข้มพนักงานขับรถโดยสารสาธารณะ รถตู้โดยสารต้องมีระดับแอลกอฮอล์เป็นศูนย์ และควบคุมการใช้ความเร็วเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุกับรถโดยสารทุกประเภท โดยเฉพาะรถที่วิ่งในระยะทางไกล ได้กำชับให้นายตรวจเข้มงวดการตรวจสอบความพร้อมของพนักงานขับรถ และต้องมีพนักงานขับรถผลัดเปลี่ยน
รวมทั้งขอให้จังหวัดรณรงค์ประชาสัมพันธ์มาตรการการบังคับใช้กฎหมายและการจัดตั้งจุดตรวจผ่านสื่อทุกประเภท เพื่อให้ประชาชนเข้าใจ ถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสร้างความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ตลอดจนให้นำข้อมูลผลการปฏิบัติงานในแต่ละวัน มาวิเคราะห์สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงสำคัญ เพื่อปรับแนวทาง กำหนดมาตรการในการแก้ไขปัญหาให้สอดคล้องกับสถานการณ์อุบัติเหตุ สภาพการจราจรและช่วงเวลาในการเดินทางของประชาชนในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ให้จังหวัดบังคับใช้กฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะเรื่องเวลา สถานที่และใบอนุญาตในการจำหน่าย เพื่อควบคุมการเข้าถึงแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุเมาแล้วขับ
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กล่าวว่า ในวันที่ 13 เม.ย.ซึ่งหลายพื้นที่จะมีการเล่นน้ำสงกรานต์ ขอให้จังหวัด อำเภอวางแผนจัดโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ ลักษณะและความเป็นเมืองท่องเที่ยว พร้อมให้ส่งเสริมวัฒนธรรมการเล่นน้ำอย่างถูกต้องตามประเพณี โดยรณรงค์พื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ที่ปลอดจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปลอดภัยจากภัยทุกประเภท พร้อมติดตั้งป้ายประชาสัมพันธ์การเล่นน้ำอย่างปลอดภัยบริเวณพื้นที่เล่นน้ำสงกรานต์ รวมถึงจัดชุดเคลื่อนที่และกำลังเจ้าหน้าที่สอดส่องดูแลและกวดขันการเล่นน้ำอย่างปลอดภัย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน