ทางการสหรัฐเตือนเกาหลีเหนือว่า เริ่มจะล้ำ “เส้นอันตราย” มากขึ้นทุกทีแล้ว ท่ามกลางสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดและอึมครึม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ว่า ทางการสหรัฐเตือนเกาหลีเหนือว่า กำลังจะล้ำ “เส้นอันตราย” มากขึ้นทุกทีแล้ว ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าหวั่นวิตกไปทั่วทั้งคาบสมุทรเกาหลี เกี่ยวกับก้าวต่อไปของเปียงยาง ที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
นายชัค ฮาเกล รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐ ( เพนตากอน ) แถลงร่วมกับพลเอกมาร์ติน เด็มป์ซีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐ ยืนยันความพร้อมขั้นสูงสุดของทหารทุกเหล่าทัพ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงพันธมิตรในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ให้รอดพ้นจากการโจมตีด้วยขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ฮาเกลกล่าวด้วยว่า การแสดงออกทั้งในด้านวาจาและพฤติกรรมที่มีแต่ข่มขวัญ และยั่วยุนานาประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของรัฐบาลเปียงยางนั้น มีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงกว่าเดิม นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นว่า เกาหลีเหนือใกล้จะล้ำ “เส้นอันตราย” มากขึ้นทุกขณะแล้ว หนทางเดียวที่จะสามารถหยุดยั้งความรุนแรงที่มีแนวโน้มสูงว่าจะเกิดขึ้นได้นั้น คือ รัฐบาลเปียงยางต้องยอมลดทิฐิ และหันหน้าเข้าสู่กระบวนการเจรจาในระดับสากลเท่านั้น ซึ่งหากเป็นจริง สหรัฐเชื่อว่า นานาชาติจะพร้อมกันอ้าแขนรับและให้ความช่วยเหลือเกาหลีเหนืออย่างเต็มที่แน่นอน
สถานการณ์ปัจจุบันบนคาบสมุทรเกาหลีนั้น นอกจากจะเต็มไปด้วยความตึงเครียดแล้ว ล่าสุดยังมีความหวาดระแวงและหวั่นเกรงเกิดขึ้นตามมาด้วย หลังหน่วยข่าวกรองของสหรัฐและเกาหลีใต้รายงานตรงกันว่า ฝั่งเหนือเตรียมยิงขีปนาวุธพิสัยกลาง 2 ลูก จากฐานยิงทางตะวันออกในเร็ววันนี้ ตามด้วยกระแสข่าวลือหนาหูอีกว่า การโจมตีด้วยขีปนาวุธจากฝั่งเปียงยางอาจเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 1 ครั้ง
แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกาหลีเหนือเตรียมจะโจมตีนานาชาติด้วยขีปนาวุธ แต่วิกฤตครั้งนี้มีความกดดันกว่าตรงที่ อาจเป็นการโจมตีโดยไม่บอกกล่าว และเกิดขึ้นได้ทุกเวลาภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งหลายฝ่ายพากันประเมินว่า ช่วงเวลาอันตรายที่สุด คือก่อนวันที่ 15 เม.ย. ซึ่งเป็นวันที่ตรงกับวันคล้ายวันเกิดปีที่ 101 ของนายคิม อิล-ซุง ผู้ก่อตั้งประเทศและประธานาธิบดีตลอดกาลของเกาหลีเหนือ
ขณะที่มีรายงานอีกหลายกระแสเตือนเข้ามาว่า รัฐบาลเปียงยางอาจถือ “ฤกษ์” วันที่ 12 เม.ย. เนื่องจากตรงกับวันที่นายจอห์น แคร์รี รมว.กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และนายแอนเดอร์ส ฟ็อก ราสมุซเซ่น เลขาธิการใหญ่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ ( นาโต ) มีกำหนดเดินทางเยือนกรุงโซลพอดี