อดีตสายลับหญิงระดับแนวหน้า เปิดเผยว่าเธอถูกพรากจากครอบครัว เพื่อทำงานเป็นสายลับให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ โดยถูกสั่งให้ระเบิดเครื่องบินพลเรือนของเกาหลีใต้จนมีผู้เสียชีวิต 115 คน
‘คิม ฮยุน ฮี’ อดีตผู้ก่อการร้าย วัย 51 ปี เคยพยายามดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย เมื่อถูกเกาหลีใต้จับได้ แต่หลังจากพ้นโทษประหารชีวิต
เธอได้ออกมาพูดโจมตีรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ อดีตผู้บังคับบัญชาของเธอว่าเป็น ‘พวกบ้าสงคราม’ จากสถานที่ลับแห่งหนึ่งในเกาหลีใต้ ซึ่งเธอกล่าวถึงคำขู่ของเกาหลีเหนือที่ว่าจะโจมตีเกาหลีใต้และสหรัฐฯ รวมถึงประเทศอื่นๆ ว่าไม่มีอะไรมากไปกว่าต้องการสร้างภาพผู้นำทางการทหารที่แข็งแกร่งให้กับ ‘นายคิมจองอึน’ เท่านั้น
เธอยังด้วยบอกว่า ‘คิมจองอึน’ ยังเด็กมากและด้อยประสบการณ์ ดังนั้นเพื่อให้เขาสามารถควบคุมและได้รับความจงรักภักดีจากทหารทั้งหมด เขาจึงหมั่นไปเยี่ยมฐานทัพทหารอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งการข่มขู่คุกคามทั่วโลกด้วยนิวเคลียร์ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้ได้ใจจากกองทัพ นอกเหนือจากเพื่อควบคุมประชาชนและกดดันให้เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือ
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2530 คิมได้รับคำสั่งจากอดีตผู้นำ ‘คิมจองอิล’ ให้ลอบวางระเบิดเครื่องบินของสายการบินโคเรียน แอร์เที่ยวบินที่ KAL 858
เธอและ ‘คิมซุงอิล’ สายลับอีกคนซึ่งสวมบทบาทเป็นพ่อของเธอ ซึ่งเดินทางด้วยสายการบินของเกาหลีใต้ เที่ยวบินที่ KAL 858 บินผ่านยุโรปเพื่อไปบาห์เรน ได้ซุกระเบิดซึ่งซ่อนไว้ในเครื่องเล่นวิทยุ ตรงที่เก็บสัมภาระอยู่เหนือศีรษะในเครื่องบิน
ก่อนจะลงจากเครื่องที่กรุงอาบูดาบี ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แล้วต่อเครื่องอีกลำไปที่บาห์เรน ส่วนเครื่องบินไฟล์ท KAL 858 เกิดระเบิดขึ้นขณะบินอยู่เหนือพรมแดนไทยพม่า ทำให้ผู้โดยสาร 115 เสียชีวิตทั้งลำ ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้สหรัฐฯ มองว่าเกาหลีเหนือเป็นประเทศที่สนับสนุนผู้ก่อการร้ายตามแผนที่วางไว้
คิมและพ่อตัวปลอมต้องเดินทางออกจากบาห์เรน แต่พวกเขาต้องรอถึงสองวันกว่าจะมีไฟล์ทออกนอกประเทศ เธอเล่าว่ารู้สึกประสาทเสียและแทบคลั่ง ระหว่างนั้นทางการบาห์เรนเกิดจับได้ว่าพวกเขาใช้พาสปอร์ตปลอมจึงถูกตามล่าตัว
เมื่อถึงคราวอับจนคู่หูของเธอบอกว่าถึงเวลาต้องฆ่าตัวตายแล้ว และสอนให้เธอกัดหลอดไซยาไนด์ซึ่งซ่อนอยู่ในบุหรี่ เขาฆ่าตัวตายได้สำเร็จ ในขณะที่เธอซึ่งอายุเพียง 25 ปี ก็พยายามฆ่าตัวตายด้วยวิธีเดียวกันแต่ไม่สำเร็จ และถูกจับได้หลังเกิดเหตุเครื่องบินระเบิดเพียงสองวัน จากนั้นถูกส่งตัวไปที่เกาหลีใต้และถูกตัดสินประหารชีวิต
ต่อมาภายหลังเธอได้รับอภัยโทษ เนื่องจากรัฐบาลเกาหลีใต้เห็นว่าเธอทำไปเพราะถูกล้างสมองจากเกาหลีเหนือ เมื่อไม่ต้องรับโทษเธอจึงเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่น และพบว่าแท้จริงแล้วสิ่งที่เธอถูกสอนมาโดยตลอดเป็นเรื่องโกหก และตระหนักว่าสิ่งที่เธอทำลงไปเป็นการคร่าชีวิตของผู้บริสุทธิ์
คิมเล่าว่าด้วยความสาว สวย และฉลาด ทำให้เธอถูกรับเลือกให้เข้าฝึกเป็นสายลับที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เกาหลีเหนือต้องการ เพื่อใช้ต่อต้าน ‘เกาหลีใต้’ ศัตรูตัวฉกาจ ในวันนั้นมีรถเก๋งสีดำมาจอดที่โรงเรียนแล้วบอกเธอว่า ‘เธอคือผู้ถูกเลือก’ และสั่งให้ไปเก็บข้าวของ โดยไม่มีแม้แต่เวลาร่ำลาเพื่อนฝูง ที่ทำได้ก็เพียงใช้เวลาหนึ่งคืนสุดท้ายอยู่กับครอบครัวเท่านั้น
อดีตสายลับถูกสอนว่า ‘คิมอิลซุง’ ผู้ก่อตั้งเกาหลีเหนือ คือ ‘พระเจ้า’ และถูกสอนให้เทิดทูนเขาเหนือพ่อแม่ของตัวเอง รวมถึงถูกสอนให้ท่องประโยคที่ว่า ‘ขอบคุณท่านผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเราสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง’ มาตั้งแต่เด็ก ซึ่งหากมีใครพูดสิ่งใดผิดแม้แต่เพียงนิดเดียว ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ก็จะถูกส่งไปยังค่ายกักกัน เธอบอกว่า ‘เกาหลีเหนือไม่ใช่ประเทศแต่เป็นลัทธิ’
เมื่อปี 2523 คิมถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนฝึกสอนสายลับที่ดีที่สุดในเกาหลีเหนือ ซึ่งตั้งอยู่ในภูเขาที่ห่างไกล เพื่อถูกฝึกให้เป็นสายลับที่มีประสิทธิภาพ ที่นั่นคิมได้รับชื่อใหม่และถูกสอนศิลปะการต่อสู้และวิธีใช้อาวุธต่างๆ รวมถึงต้องฝึกหนักอย่างทหาร นอกจากนั้นยังต้องเรียนภาษาญี่ปุ่นจนสามารถพูดดีได้ไม่มีที่ติ เพื่อให้เธอสามารถออกไปปฏิบัติการภายนอกได้
ในที่สุดเมื่อปี 2530 เธอก็พร้อมจะออกไปปฏิบัติการก่อการร้าย ตามแผนของ ‘คิมจองอิล’ ลูกชายของ ‘คิมอิลซุง’ ซึ่งดำรงตำแหน่ง ‘ผู้นำที่รัก’ ในขณะนั้น ซึ่งคิมบอกว่าในเกาหลีเหนือ ‘คิมจองอิล’ จะเป็นผู้สั่งการทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
และแน่นอนว่าเขาเป็นผู้สั่งการให้วางระเบิดเครื่องบินของเกาหลีใต้ครั้งนั้น เพราะต้องการให้นักกีฬาที่จะเข้าร่วมแข่งขัน ‘โอลิมปิก 1988’ ที่กรุงโซล รู้สึกหวาดกลัวจนไม่กล้าเดินทางไปที่นั่น
ปัจจุบันเธอแต่งงานและมีลูกสองคนใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดระแวง เพราะเกรงว่าจะถูกมือสังหารเกาหลีเหนือตามมาฆ่าปิดปาก เพื่อป้องกันไม่ให้เธอบอกความลับและข้อมูลภายในองค์กรที่ครั้งนึงเธอเคยรับใช้ด้วยความศรัทธา
คิม บอกว่าเธอใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ด้วยความรู้สึกผิด เธอเชื่อว่ามันเป็นพรหมลิขิตที่ทำให้ไม่ต้องถูกประหารชีวิต เพราะเธอคือคนเดียวที่เป็นพยานต่อเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้น
แม้จนถึงทุกวันนี้เธอจะไม่รู้ว่าครอบครัวที่เกาหลีเหนือเป็นตายร้ายดีเช่นไร แต่เธอต้องการจะเปิดเผยทุกสิ่ง เพราะไม่อยากจะปิดบังความจริงต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เครื่องบินระเบิดครั้งนั้นอีกต่อไป