เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก  เรื่องเล่าเช้านี้

          กระทรวงวิทย์ ชี้ดินสอพองไม่ผ่านมาตรฐานอื้อ เสี่ยงตาย สารพัดโรค ทั้งกล้ามเนื้อตาย-ติดเชื้อในกระแสเลือด- ติดเชื้อในเนื้อเยื่ออ่อน แนะซื้อของที่ผ่านมาตรฐาน เตือนใครมีบาดแผลที่ผิวหนังควรหลีกเลี่ยง

          วันนี้ (10 เมษายน) นพ.สมชัย นิจพานิช อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทย พร้อมคณะแพทย์แผนไทย ได้ร่วมกันแนะนำการเลือกใช้ดินสอพองและเครื่องหอม ที่ใช้เล่นในช่วงสงกรานต์นี้ว่า ดินสอพองเป็นภูมิปัญญาไทย ที่มักนำมาใช้เป็นเครื่องประทินผิว และรักษาโรคเกี่ยวกับผิวหนัง ซึ่งขั้นตอนการผลิตดินสอพองจะผ่านการกรองและร่อนตะแกรงอย่างดีจนกลายเป็นเนื้อแป้งที่ละเอียด อีกทั้งยังผ่านกระบวนความร้อนเพื่อฆ่าเชื้อ

          แต่ในปัจจุบัน มีการนำดินสอพองที่ไม่ผ่านมาตรฐานและผลิตอย่างไม่ถูกต้อง อีกทั้งยังมีการผสมสีสังเคราะห์จากสารเคมี นำไปจำหน่ายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งดินสอพองที่ไม่ผ่านมาตรฐานนี้ จะส่งผลให้เกิดอันตรายต่อผิวหน้าและดวงตา โดยเฉพาะคนที่ผิวแพ้ง่าย ทั้งนี้ หากจะเลือกซื้อดินสอพอง ควรเลือกที่ไม่มีสี และหากเป็นสีก็ไม่ควรใช้สีฉูดฉาด ซึ่งผสมมาจากสีธรรมชาติ ได้แก่ กลิ่นขมิ้น กลิ่นฝาง เป็นต้น

          อย่างไรก็ตาม ควรเลือกซื้อดินสองพองในแหล่งผลิตโดยตรง และมีคำว่า "สะตุ" ซึ่งผ่านมาตรฐานแล้ว ถึงแม้จะมีราคาแพง แต่ก็มั่นใจได้ว่าปลอดภัยอย่างแน่นอน ส่วนใครที่เกิดอาการแพ้ดินสอพองให้รีบใช้น้ำสะอาดล้างทันที เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดอาการระคายเคืองและเป็นอันตรายกับชีวิตได้

          ขณะที่ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระบุว่า ทางสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ ได้ทำการวิจัยปริมาณจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรคในดินสอพองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยีสต์ แบคทีเรีย และเชื้อรา ที่เกินกว่ามาตรฐานกำหนด อีกทั้งยังพบเชื้อที่ก่อให้เกิดบาดทะยัก ซึ่งหากเข้าสู่ร่างกายในจำนวนมากก็จะทำให้เกิดอาการอาหารเป็นพิษ และกล้ามเนื้อตายได้ นอกจากนี้ อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อในกระแสเลือด ติดเชื้อในเนื้อเยื่ออ่อน ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
 
          รมว.วิทยาศาสตร์ กล่าวต่อว่า ดินสอพองในท้องตลาดขณะนี้มีจำนวนมาก จึงไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมดว่า ดินสอพองทั้งหมดผ่านการฉายรังสีมาแล้วหรือไม่ ดังนั้น อยากให้ประชาชนระมัดระวังเป็นพิเศษ หากจำเป็นต้องใช้ดินสอพองเล่นสงกรานต์ ควรระวังอย่าให้เข้าจมูกหรือปาก และหากมีบาดแผลที่ผิวหนังก็ควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก