เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 เม.ย. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด ได้รับแจ้งว่า มีเด็กชาย อายุ 12 ปี อยู่หมู่ 3 ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี นักเรียนชั้น ม.1 ได้ถ่ายภาพจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นภาพของกลุ่มเมฆที่รวมตัวอยู่เหนือวัดวังก์วิเวการาม หรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ ที่กำลังก่อตัวกันลักษณะคล้ายกับ มังกรพ่นไฟ หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ ด.ช.เนติทร กุลประเสริฐ หรือ น้องเนม พร้อมด้วย นายจงรักษ์ และนางเนาวรัตน์ พ่อกับแม่ กำลังนั่งเล่นอยู่ภายในบ้าน จึงเข้าไปทำการสอบถาม และขอดูภาพจากโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายภาพดังกล่าวเอาไว้ได้ และจากการตรวตรวจสอบภาพดังกล่าว ต้องยอมรับว่า เป็นภาพที่มีลักษณะคล้ายกับ มังกรพ่นไฟ อยู่เหนือท้องฟ้าเป็นอย่างมาก
และจากการสังเกตภาพพบว่า ช่วงหัวและปากของมังกร จะโผล่ออกมาจากก้อนเมฆที่จับกลุ่มกันเป็นสีดำอยู่เหนือยอดต้นไม้ภายในซอยฝรั่ง บริเวณปากสังเกตจะเป็นสีแดง หรือสีส้ม ท่าทางเหมือนกับอ้าปากแล้วพ่นไฟออกไป ด้านหน้าจะมีกลุ่มเมฆที่จับตัวกันคล้ายกลุ่มควันไฟที่ถูกมังกรพ่นออกไป ซึ่งหลังจากที่สื่อมวลชนเห็นภาพ ต้องกับอึ้งกับภาพดังกล่าว นอกจากนั้นเพื่อนบ้านที่เห็นภาพดังกล่าว ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า กลุ่มเมฆที่ก่อตัวเป็นภาพมังกรพ่นไฟให้เห็นนั้น น่าจะเป็นเพราะบารมีหรือเป็นเพราะปาฏิหาริย์ของหลวงพ่ออุตตมะ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม อีกทั้งปรากฎการณ์ดังกล่าวยังอยู่บนท้องฟ้าเหนือวัดวังก์วิเวการามอีกด้วย
น้องเนม เล่าว่า ภาพดังกล่าวถ่ายเอาไว้เมื่อวันที่ 9 เม.ย. เวลาประมาณ 16.00 น.ถึง 17.00 น.ระหว่างผมกับพ่อและแม่กำลังนั่งเล่นอยู่หน้าบ้าน และทุกคนสังเกตเห็นว่าท้องฟ้ามีสีแดงและเปล่งแสงลงมา จากนั้นพ่อได้มองดูบนท้องฟ้า และสังเกตเห็นกลุ่มก้อนเมฆมีลักษณะเหมือนกับมังกรกำลังพ่นไฟออกมา พ่อจึงเรียกให้ไปดู หลังพบทุกคนในครอบครัวเห็นว่าแปลกดีและไม่เคยเห็นกลุ่มเมฆจับตัวกันในลักษณะนี้มาก่อน ผมจึงได้ใช้โทรศัพท์มือถือที่มีอยู่ถ่ายภาพเอาไว้ได้ 3 ภาพหวังจะเอาไปอวดเพื่อนๆ จากนั้นทุกคนต่างก็มองดูกลุ่มก้อนเมฆดังกล่าวประมาณ 3 นาที กลุ่มเมฆก็จางหายไป และโชคที่ที่สามารถถ่ายภาพดังกล่าวเอาไว้ได้ และหากโรงเรียนเปิดเทอมเมื่อไหร่ก็จะเอาไปอวดเพื่อนๆ รวมทั้งคุณครูด้วย
ด้านนายจงรักษ์ กุลประเสริฐ อายุ 43 ปี พ่อของเด็กชายเนม กล่าวว่า ตนเกิดมาไม่เคยเห็นกลุ่มก้อนเมฆรวมตัวกันมีลักษณะคล้ายกับ มังกรกำลังพ่นไฟอย่างนี้มาก่อน หลังจากเห็นจึงเรียกให้ลูกชายและภรรยามาดูพร้อมกัน ซึ่งทุกคนต่างก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก จึงให้ลูกชายใช้โทรศัพท์มือถือรีบถ่ายรูปเอาไว้ จากนั้นภาพดังกล่าวก็ค่อยๆจางหายไป สำหรับซอยหน้าบ้านของตนนั้นหันหน้าไปทางวัดวังก์วิเวการาม หรือวัดหลวงพ่ออุตตมะ ซึ่งภาพดังกล่าวตนและครอบครัวเชื่อว่าเกิดขึ้นบนท้องฟ้าที่อยู่เนือวัดของหลวงพ่อ และเพราะเราเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ จึงเชื่อและมั่นใจว่า ภาพที่ปรากฏเป็นบารมี หรือเกิดจากปาฎิหาริย์ของหลวงพ่ออุตตมะอย่างแน่นอน
ด้านนายอัครวัฒน์ สุขสามแก้ว อายุ 44 ปี กล่าวว่า ตนกับครอบครัวดังกล่าวเป็นเพื่อนบ้านกัน หลังจากทราบข่าวจึงได้มาขอดูรูปภาพที่หลานชายถ่ายเอาไว้ เมื่อเห็นถึงกับตกตะลึงและทึ่งเหมือนกัน ว่าปรากฎการณ์ดังกล่วเกิดขึ้นได้อย่างไร และจากการสังเกตก็พบว่ากลุ่มก้อนเมฆที่จับตัวกันบนท้องฟ้า มาจากทิศทางของวัดวังก์วิเวการาม หรือที่ประชาชนเรียกว่าวัดหลวงพ่ออุตตมะ และเชื่อว่าหากทุกคนเห็นภาพดังกล่าวจะคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย นอกจากเป็นปาฎิหาริย์ของหลวงพ่อเท่านั้น อีกทั้งในวันที่ 13-14 เมษายน นี้ ทางอำเภอ และทางเทศบาลตำบลวังกะ กำลังจะจัดงานเทศกาลวันสางกรานต์อีกด้วย เชื่อว่าจะมีประชาชนและนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมากอย่างแน่นอน