หมอกฤษณ์ รวยโคตร มีรถซูเปอร์คาร์ขับรวมมูลค่ากว่า 100 ล้าน

 

 

 

 

หมอกฤษณ์ รวยโคตร มีรถซูเปอร์คาร์ขับรวมมูลค่ากว่า 100 ล้าน

 

 

 

 หายหน้าจากพื้นที่สื่อไปนานหลายปีทีเดียว สำหรับ “หมอกฤษณ์ คอนเฟิร์ม” หลังเจ้าตัวประกาศล้างมือเลิกเป็นหมอดู แต่ถึงกฤษณ์จะทิ้งเม็ดเงินจำนวนมหาศาลจากการดูดวง ก็ใช่ว่าจะกระเป๋าแห้งตามไปด้วย ตรงกันข้ามกลับอู่ฟู่อ้าฟ่า มีรถซูเปอร์คาร์คันละ 20 กว่าล้านขับ รวมมูลค่ากว่า 100 ล้าน สะสมทองคำแท่ง สะสมพระอีกหลาย 10 ล้าน มีตำราหมอดูที่เก่าแก่หายากและแพงโคตรอีกเป็นร้อยเล่ม กว้านซื้อรีสอร์ตทั่วประเทศหลายแห่ง แถมเป็นเจ้าของทีวีดาวเทียมนับ 30 ช่อง และต้องจ่ายภาษีปีละ 60 ล้าน สรุปสั้นๆ เขาคือหมอดูที่รวยที่สุดในประเทศไทย ทั้งที่อายุเพิ่ง 27 ปี หายจากหน้าจอไปนานแถมกระแสก็ดูซบเซาแต่ทำไมรวยเอาๆ วันนี้หมอกฤษณ์ยินดีเปิดบ้านให้เราไปล้วงให้ลึกแบบ Exclusive สุดๆ
       
       “จริงๆ แล้วผมไม่ได้ออกสื่อในฟรีทีวีมากนักแล้วครับ ปีหนึ่งอาจจะออกฟรีทีวีซัก 6-7 ครั้ง แต่ถ้าเทียบกับเมื่อ 3-4 ปีก่อนผมออกทุกวันครับ แต่ว่าหลังๆ ผมออกทางดาวเทียมเคเบิล มากกว่า ถ้าเคเบิลออกทุกวัน วันละหลายๆ ช่องครับ ผมไปต่างจังหวัดมากระแสตอบรับดีจนทำให้เรางง เพราะตอนออกฟรีทีวีต่างจังหวัดไม่ค่อยรู้จักเรา แต่พอออกดาวเทียมกลายเป็นต่างจังหวัดรู้จัก แต่คนกรุงเทพรู้สึกว่าเราดรอปลงไปครับ”
       
       “ผมตั้งใจที่จะเฟดตัวเองออกจากสื่อครับ เพราะว่าจริงๆ ผมไม่ได้มีอาชีพด้านการดูดวงเลย หลายคนจะคิดว่าผมหารายได้จากการดูดวงโดยตรง แต่ในความเป็นจริง ณ วันนี้การดูดวงเป็นงานอดิเรกของผม เพราะผมทำธุรกิจหลายอย่างครับ ดูดวงส่วนใหญ่จะดูฟรี ออกรายการก็ดูฟรีครับ และอีกอย่างหนึ่งรับจัดฮวงจุ้ยเก็บเงินก็ไม่ทำ ดูดวงเจอตัวเก็บเงินก็ไม่เอา บรรยายก็ไม่รับ อีเวนต์มีคนจ้างนะครับก็ไม่ไป สร้างวัตถุมงคลดิวกับวัดผมก็ไม่ทำ จัดทัวร์ไหว้พระ 9 วัดผมก็ไม่ทำ ขายวัตถุมงคลหรือเสริมดวงต่างๆ ผมไม่ทำเลยครับ”
       
       “ผมหาเงินกับการเป็นหมอดูน้อยมาก แต่ถามว่ามีบ้างไหม มีบ้างครับ แต่ไม่ได้เยอะ ที่เราเคยทำไว้ก่อนแล้วพวก 1900 SMS พวกนี้ครับ เราไม่สามารถตัดทิ้งได้เพราะว่ามีสัญญาอยู่ แม้แต่หนังสือดูดวงผมก็ไม่ทำครับ หนึ่งเลยต้องบอกว่าผมไม่ได้ตั้งใจที่จะอยากมีเงินมีทองเพราะการดูดวงนะครับ จริงๆ ตั้งใจช่วยคนมากกว่า แต่บางคนเข้าใจผมผิดว่าหมอกฤษณ์มันดูดวงจนรวย มันหลอกคนมาจนรวย มันใช้ความงมงายของคน ผมขอย้ำตรงนี้ครับว่าที่มีวันนี้ไม่ได้เกี่ยวกับดูดวง แล้วที่ได้จากการดูดวงน้อยมาก ถ้าเทียบเป็นสินทรัพย์ ณ วันนี้ที่ได้การูดวงผมว่าไม่ถึง 3% แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธนะครับว่าคนรู้จักผมในนามหมอกฤษณ์คอนเฟิร์ม รู้จักผมเพราการดูดวง แต่เขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเราทำอะไรกันแน่ เขารู้แต่ว่ามันคือหมอดู”
       
       “ผมดูดวงมาปีที่ 19 แล้ว ตอนนี้ไม่อยากดูแล้วเพราะส่วนหนึ่งคือผมเบื่อ เริ่มจากผมรู้สึกว่าอาชีพหมอดูมันเป็นอะไรที่สองแง่สองง่าม หนึ่งคือคนบางคนมองว่าเราเป็น 18 มงกุฎหลอกลวงหากินบนความเชื่อคน ผมเบื่อคำนี้ผมจึงไม่อยากป็นครับ เริ่มมาตั้งแต่ปี 51 เลยครับ คนด่าผมเยอะๆ พอดังมากก็มีคนด่าเยอะ ผมเรียนตรงๆ นะครับว่าที่ผมไม่ร้อนแรงเหมือนเมื่อก่อนเพราะว่าสมัยก่อนเราเป็นเด็ก ตอนนั้นที่ผมมีชื่อเสียง ผมเพิ่งอายุ 21-22 ไฟมันยังแรงอยู่ พอเริ่มเบญจเพศ 25-26-27 แล้วมันเริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีอายุแล้วครับ เราก็ซอฟท์ลงนิดหนึ่ง ที่สำคัญคือผมรู้สึกว่าชื่อเสียงในด้านการดูดวงของผมมันไม่จำเป็นอีกต่อไป เพราะผมไม่ได้ใช้ชื่อเสียงหมอดูในการหาเงินครับ แล้วผมเป็นหมอดูคนเดียวในประเทศไทยที่ไม่มีสังกัด ไปดูสิครับหมอดูดังๆ ตอนนี้มีต้นสังกัดกันหมด”
       
       เมื่อก่อนเคยบอกจะตายตอนอายุ 30 แต่ตอนนี้บอกอยู่ยาวยัน 82 
        
       
       “เคยมีหลวงพ่อทำนายไว้ว่าผมอาจจะมีชีวิตไม่ถึง 30 ครับ แต่ผมเชื่อว่ามันผ่านมาแล้ว เพราะตอนอายุ 25 ช่วงเบญจเพสผมเคยจะตายโหงมาครั้งหนึ่งแล้ว ซึ่งจริงๆ ผมก็รู้ตัวเอง วันนั้นฝนตกครับ ผมขับมาด้วยความเร็ว 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วอยู่ดีๆ รถผมก็หมุนเคว้งบนโทลเวย์ พังยับทั้งคัน แต่ตัวผมกลับไม่เป็นอะไรเลย แต่ว่าไม่มีคู่กรณีนะครับ ครั้งนั้นคือถึงคาดครับ บางทีเราอาจจะสร้างสมบุญกุศลมาในช่วงนั้นด้วย รวมถึงวันนั้นผมแขวนหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ และหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ซึ่งเป็นรุ่นแรกของท่านเลยครับ ด้วยบารมีของท่าน ผมถือว่าหนึ่งคือดวงผมยังไม่ถึงฆาต สองผมคิดว่าคงเป็นบารมีของหลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ และหลวงพ่อทวด วัดช้างไห้ ที่ทำให้ผมไม่ตายโหงครับ เพราะจริงๆ ดวงผมจะต้องตายก่อน 30”
       
       “อีก 3 ปีผมจะ 30 แล้วครับ แต่ว่าจริงๆ ผมผ่านอะไรมาเยอะนะครับ ผมเคยถูกยิง แต่ว่ายิงไม่เข้า ผมมีหลักฐานนะครับ (เปิดเสื้อให้ดู) ตอนนั้นอายุ 10 กว่าๆ เนื้อมันจะหายไปครับ ผมโดนปืนปากกายิงตรงท้องเสื้อไหม้เลย แต่ก็รอดมาได้ครับเพราะถ้าทะลุก็ตัดขั้วหัวใจเลย เพราะมีปัญหาทะเลาะวิวาทกัน จริงๆ แล้วเหลืออีก 3 ปีจะ 30 ผมก็ไม่มั่นใจนะครับ(หัวเราะ) ผมดูดวงให้ตัวเองเหมือนกันนะ ถ้าเกิน 30 ได้ ก็ไป 82 เลย”
       
       สามารถอดจิตได้ ฝึกมา 23 ปีแล้ว 
         
       
       “ผมไม่มีองค์ครับ แต่ถ้าองคชาตน่ะมี (หัวเราะ) เซนส์ก็คงมีนะครับ แต่ว่าองค์เทพ องค์อะไร ผมไม่คอมเมนต์ดีกว่า แต่ผมไม่มีครับ ถ้าบอกว่าเป็นลางสังหรณ์ที่บอกเราอันนั้นมีครับ อย่างเช่นพี่ดูในรายการทีวี ผมนั่งอยู่กับบ้านสามารถรู้ว่าคนที่โทรมาอยู่บ้านแบบไหน หน้าตาแบบไหน ผิวขาวผิวดำ ใส่เสื้อสีอะไร มันเป็นภาพขึ้นมาเลยครับ จริงๆ ผมฝึกมโนมยิทธิตั้งแต่เด็กเลย พวกถอดจิตผมชอบ คุณป้าพาไปฝึกที่ซอยสายลม ตอนอายุ 4-5 ขวบครับ ก็มีทั้งนะมะพะทะกำหนดเป็นดวงแก้วอยู่ใต้สะดือ แล้วค่อยๆ พุ่งออกไปจากหัวเรา แล้วเราก็จะไปยังสถานที่ที่เรากำหนดครับ ซึ่งผมเอามาใช้ในการดูดวงด้วย ยังฝึกอยู่ตลอดครับ ปีนี้เป็นปีที่ 23 แล้ว”
       
       “จริงๆ เรื่องเห็นผีผมเห็นนานมากแล้วนะตั้งแต่ปี 51 แล้วนะครับ ตอนที่ออกรายการวู๊ดดี้ไปเห็นผีที่ซานติกาผับอันนั้นก็ตอนปี 51 ครับ ถามหน่อย ปี 51 ตอนนั้น มีหมอดูคนไหนเห็นผีมีไหม ไม่มีนะครับ ถ้างั้นผมเจ้าแรกหรือเปล่า แล้วบางคนบอกไปก๊อบเค้ามาหรือเปล่า (เลียนแบบริว จิตสัมผัส, เจน ญาณทิพย์) ไอ้ตรงนั้นผมไม่รู้ครับ อันนี้คือผมไม่คอมเมนต์แล้วกัน คือเขามีความสามารถของเขา”
       
       “มันมีหลักฐานทนโท่ครับ หนังสือออกพิมพ์ 7 ครั้ง ออกรายการทีวี 3 หนุ่ม 3 มุม ทูไนท์ วู้ดดี้ เกิดมาคุย รายการช่อง 3 รายการช่อง 5 โห...ออกกัน 6-7 ครั้ง เยอะมากเลยครับ ผมมาก่อนเทรนด์ครับ เห็นผีเพิ่งมา 53 แล้ว ในปี 52 รายการเสาร์5 ของกันตนา ผมก็ไปสัมผัสวิญญาณเหมือนกันครับ ตอนนั้นเทรนด์สัมผัสผียังไม่มาเลย ตอนนั้นคนไม่รู้จัก เห็นผีเพิ่งมาดังตอนริวก็อาจจะเป็นไปได้ เพราะผมเปิดตัวกับดารามากกว่า คือคนจำในลักษณะนั้น ช่วงนั้นสัปดาห์หนึ่งออกแวบๆ ครับ แต่ดารามาทุกวัน”
       
       “เวลาผมจะเห็นผีได้ ถ้าเกิดอยากรู้มันก็รู้ได้ครับ เราก็กำหนดสมาธิ ก็รู้ได้ เดินไปเฉยๆ ไม่เห็นแน่ ไม่งั้นก็บ้าตายสิครับ ถ้าคนเห็นตลอดเวลา ก็คงเดินชนผี ขับรถไม่ได้นะครับ แต่คงไม่ใช่เห็นได้ง่ายๆ เหมือนที่เขาทำกันนะครับ ถ้าอย่างนั้นก็ดีนะครับ น่าจะขอหวยมา (หัวเราะ)”
       
       ดูดวงว่าทำธุรกิจแล้วรุ่ง เลยหันไปลุยธุรกิจ
       
       
       “ผมดูดวงตัวเองไว้ว่าจะต้องมาทำธุรกิจ ผมดูดวงตัวเองอยู่ตลอด เดือนไหนดวงไหนดวงดี ดวงไหนดวงไม่ดี ก็ใช้ดวงในการตัดสินใจครับ ก็เลยเบนเข็มมาทำธุรกิจ แต่ว่าดูดวงไม่ทิ้งนะครับแต่ว่าเน้นดูฟรี ส่วนใหญ่คนเจอผมตามท้องถนนก็ทักผมเยอะมากครับ มีทั้งขอถ่ายรูป ลายเซ็นบ้าง ก็ดูดวงให้เขาฟรี กับรายการใครโทร.ติดก็ดู รายได้ที่เสียไปไม่เสียดายเลยครับ เพราะเนื่องจากว่าผมรู้สึกว่าเราเป็นหมอดูเราช่วยคนครับ เราไม่ได้ซ้ำเติมเขาในการที่บอกว่า คุณดวงไม่ดีคุณไปซื้อวัตถุมงคลกับผมนะ 999 นะ 1,999 นะ สะเดาะห์เคราะห์ผมสิ 10,000 เดี๋ยวคุณทำบุญสิ 50,000 นะ แล้วคุณจะดี ไปทัวร์ไหว้พระกับผมนะ คุณจะหมดเคราะห์ มันไม่ใช่ครับ มันหลอกคน พูดตรงๆ ผมทำไม่ได้ หน้าผมด้านครับ แต่ด้านไม่พอ คือด้านที่จะทำตัวเป็นคนดีไม่ได้ ทำอย่างนั้นมันไม่ใช่คนดี”
       
       “ถามว่าทำบุญสะเดาะห์เคราะห์ มันแก้ได้จริงมั้ย ทำได้จริงครับ แต่ประเด็นคือผมถามนิดหนึ่ง เวลาคุณจะจัดทัวร์เนี่ยคุณรู้อยู่แล้วว่าทัวร์นี้คุณได้เงินเท่าไหร่ แล้วการที่คุณจะจัดทัวร์คุณรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นการหารายได้เข้ากระเป๋าตัวเอง เริ่มต้นคิดมันก็บาปแล้วครับ มันเป็นเรื่องการระดมให้คนมาทำแล้วคุณมีผลประโยชน์ ผมถามว่าเป็นสิ่งที่สมควรไหม ถ้าคิดว่านี่คือการทำบุญ อย่างนั้นผมค้ายาบ้าช่วยคน ดีไหมครับ ปล้นคนรวยมาช่วยคนจนดีไหมครับ ถ้าคิดอย่างนี้มันไม่แตกต่างนะครับ”
       
       “คนเรามันต้องถ้าเกิดอะไรพรุ่งนี้มันต้องรับให้ได้ครับ ไม่ใช่อะไรก็ได้ที่ได้มาแล้วพอใจ จะโกงแต่ขอให้สบายใจ ถือว่าเป็นเรื่องดี อย่างนี้ผมว่าไม่ใช่ครับ ผมถึงไม่ทำไงครับ และผมไม่เสียดาย เพราะเงินเราหาแบบไหนก็ได้ แต่ถ้าหลอกคนมาผมไม่เอา ถ้าหลอกคนอาศัยความเชื่อเขา อาศัยมาเอาวัตถุมงคลหรืออะไรยัดเยียดให้เขา ผมบอกตรงๆ ผมด้านไม่พอที่จะทำ บางคนอาจจะวางตัวเป็นคนดีนะครับ ไม่แตะต้องเงินทองเลย แต่โทษนะครับ 7-11 บางแห่งมีวัตถุมงคลแถมกับหนังสือด้วย ผมถามว่าพูดแล้วไม่อายเหรอครับ”
       
       “จริงๆ อาชีพดูดวงอย่างเดียวพอแล้ว แต่ผมรู้สึกว่าผมไม่อยากอยู่ในวังวนการแก่งแย่งชิงดีการใส่ร้ายป้ายสีกัน ผมไม่ชอบ แต่คนไทยชอบดูถูกคนดูดวงก็เบื่อครับ ผมก็เลยหาอะไรเสริมๆ ตามดวงชะตาที่มันดีกับดวงของเราครับ แต่ยืนยันผมเป็นหมอดูครับ แต่เงินผมไม่ได้มาจากการเป็นหมอดู”
       


        เป็นเจ้าของช่องดาวเทียมกว่า 30 ช่อง
       
       “เริ่มจากตอนนั้นผมจัดรายการดาวเทียมอยู่ แต่ไม่ใช่ของตัวเอง ผมรู้สึกว่าทำไมเราไม่ทำซื้อช่อง ทำไมเราไม่ซื้อเวลาเป็นของตัวเองบ้าง ตอนนั้นมีเงินนิดหน่อยครับ รู้สึกจะมีอยู่ 1 ล้านมั้งครับ เดือนแรกขาดทุนครับ เดือนที่สองก็ขาดทุน แต่เดือนที่สามมันเริ่มมีกำไรเข้ามาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้ก็ 4 ปีแล้ว แล้วช่องดาวเทียมผมไม่ได้ดูดวงแค่อย่างเดียว มีทุกอย่างครับ ทั้งวาไรตี้ อย่างช่องมิติ4 ผมก็ซื้อเลยเป็นช่องผมเอง มี พี่ป๋อง กพล มาทำ มี พี่แจ็ค สายสิญจน์ มีดูดวงมาแจม มีรายการเพลง มีช่องเพลง มีช่องสุขภาพ มีช่องขายของ เยอะครับ ที่ซื้อไว้แล้วเป็นเข้าของมีทั้งหมด 30 ช่อง รายได้จากตรงนี้เดือนหนึ่งเป็นหลัก 10 ล้านอยู่”

 

 


Credit: http://www.babnee.com/index.php
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...