หอพักกรุงเก่าติดป้ายประจาน โจรลัก กกน.นักศึกษา
(7 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากประชาชนว่า ที่หอพักเลขที่ 2/22 ม.5 ต.ท่าวาสุกรี อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ติดป้ายขนาดใหญ่ไว้ที่หน้าหอพัก เป็นภาพคนร้ายที่เข้าไปโจรกรรมชุดชั้นในสุภาพสตรี จึงเดินทางไปตรวจสอบ
พบว่าเป็นหอพักสองชั้นที่รั้วทางเข้าหอพักมีป้ายไวนิลขนาดใหญ่ มีข้อความตัวหนังสือสีแดงว่า "พวกโรคจิต ชอบขโมย ชุดชั้นในผู้หญิง" ใต้ข้อความ มีภาพของคนร้ายจำนวน 6 ภาพ ขณะเข้าไปขโมยชุดชั้นใน
สอบถาม นางมัทนา บุญทันใจ อายุ 52 ปี เจ้าของหักพัก เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้มีคนร้ายเข้ามาขโมยกางเกงในของผู้เช่าห้องพักที่เป็นสุภาพสตรี ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา โดยคนร้ายเป็นชายอายุ 30-35 ปี จะขับขี่รถจยย.เข้ามาในหอพักหลายครั้งบางครั้งจะสวมใส่ชุดพนักงานโรงงาน สวมหมวกกันน็อก แล้วเดินอ้อมด้านข้างของหอพักชั้นล่าง ดูว่าห้องไหนที่ตากกางเกงในสุภาพสตรีเอาไว้จะเอามือสอดผ่านตะแกรงเหล็กเข้าไปฉกกางเกงใน แล้วใส่กระเป๋ากางเกงก่อนที่จะขับขี่รถจยย.หลบหนีไป
บางห้องถูกขโมยไปเป็น 10 ตัว หายไปแล้วกว่า 30 ตัว ส่วนใหญ่จะเป็นกางเกงในเพราะเสื้อในเอาลอดตาแกรงเหล็กออกไปไม่ได้ คนร้ายเข้ามาฉกเอากางเกงในไปทั้งกลางวันและกลางคืน สุดจะทนกับคนร้ายรายนี้แล้ว จึงได้คิดทำป้ายขนาดใหญ่เพื่อประจานโจร ให้รู้ว่ามีหลักฐานอย่างชัดเจน ตั้งแต่ติดป้ายมาได้ประมาณ 2 อาทิตย์ พบว่ากางเกงในของนักศึกษาที่ตากเอาไว้ไม่หายแล้ว
น.ส.วรานันท์ บางสูงเนิน อายุ 20 ปี นักศึกษา กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองได้ตากกางเกงในเอาไว้จำนวน 6 ตัว พอเช้าตื่นขึ้นพบว่ากางเกงที่ตากเอาไว้หายไปทั้งหมดต้องเสียเงินซื้อมาใหม่ ตอนนี้เลยต้องตากไม่ชิดกับตะแกรงเหล็ก เพื่อป้องกันคนร้ายมาขโมยเอากางเกงในไป ถ้าจับคนร้ายได้หรือคนร้ายเอามาคืนก็ไม่อยากได้กางเกงในกลับมาใช้แล้วไม่รู้ว่าคนร้ายเอาไปทำอะไรบ้าง
นายกฤษฎา มีสำราญ อายุ 36 ปี ผู้ดูแลหอพักเปิดเผยว่า หอพักมีทั้งหมด 24 ห้อง ปกติประตูเข้าออกผู้เช่าจะมีกุญแจสำหรับไขเข้าออกประตูหอพัก คนร้ายอาศัยจังหวะที่ผู้พักอาศัยออกไปซื้อของแล้วลืมใส่กุญแจ คนร้ายได้เข้ามาขโมยเอากางเกงในตามห้องต่างไปแล้ว 2-3 ครั้ง สงสัยว่าคนร้ายจะเป็นพวกโรคจิตชอมดมกางเกงใน
หลังจากเกิดเหตุเจ้าของหอพักได้ขึ้นป้ายแล้วมีเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจถี่ขึ้น จนถึงขณะนี้คนร้ายไม่ได้เข้ามาขโมยอีก ได้แนะนำให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่ด้านล่างอย่านำกางเกงในไปตากไว้กับตะแกรง เป็นการป้องกันไม่ให้คนร้ายล้วงเข้าไปหยิบ