ผอ.รร.ดังสุโขทัย คาดโทษนักเรียนสาวตบแย่งผู้ชาย
เตือนถ่ายคลิป ระวัง! ไม่มีที่ยืนในสังคม
รายงานข่าวจากสุโขทัย วันนี้ (1 ก.พ.) แจ้งว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอเด็กนักเรียนหญิง ม.3 จำนวน 2 คู่ ศึกษาอยู่ที่โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งของ อ.กงไกรลาศ ที่ใช้กำลังตบตีทำร้ายร่างกายกันภายในบริเวณโรงเรียน โดยมีสาเหตุเพราะชอบเด็กนักเรียนชายชั้น ม.2 โรงเรียนเดียวกัน ส่วนอีกคู่นัดตบตีกันเพียงแค่คู่กรณีเดินสวนทางแล้วมองหน้า ตามที่ได้เสนอข่าว และเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก โดยเฉพาะในวงข้าราชการครูในพื้นที่สุโขทัย
ล่าสุดวันนี้ (1 ก.พ.) ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมดังกล่าว ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ขณะนี้ได้มีการเรียกเด็กนักเรียนหญิงทั้งหมด ที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทกัน รวมถึงเพื่อนๆ ที่ยืนล้อมวงเชียร์ให้เพื่อนตบตีกัน มาว่ากล่าวตักเตือน และแจ้งให้ผู้ปกครองเด็กๆ ได้ทราบแล้ว
ผอ.คนดังกล่าว บอกว่า รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น และตัวเด็กๆ เองพวกเขาก็เสียใจ เพราะทำไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ซึ่งครูประจำชั้นก็ได้เรียกมาอบรม ตักเตือน ให้สติ และลงโทษสถานเบาด้วยการให้ทำกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ร่วมกันแล้ว พร้อมกับได้แจ้งให้ผู้ปกครองทราบ เพื่อร่วมกันดูแลแก้ไข และถ้าหากเกิดเหตุการณ์ซ้ำขึ้นอีก ทางโรงเรียนก็จะดำเนินการตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดต่อไป รวมทั้งในทางกฎหมายด้วย
“ความจริงทางโรงเรียนมีการสอดส่อง ดูแลเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่เนื่องจากเด็กนักเรียนมีจำนวนมากกว่า 1 พันคน จึงอาจทำให้ดูแลได้ไม่ทั่วถึง ประกอบกับเด็กๆ ก็ปกปิดเรื่องดังกล่าว จึงไม่มีใครรู้ กระทั่งมาปรากฏลงในสื่อ เราจึงทราบเรื่อง”
ผอ.คนดังกล่าว บอกอีกว่า พฤติกรรมการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาของเด็กนักเรียนปัจจุบัน ทุกภาคส่วนต้องร่วมกันแก้ไข และร่วมมือกันอย่างจริงจัง ส่วนตัวอยากฝากเตือนไปถึงนักเรียน นักศึกษาสถาบันต่างๆ ที่คิดจะก่อเหตุในทางเสื่อมเสีย ทั้งเหตุวิวาทหรือเพศสัมพันธ์ แล้วมีการถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ อาจทำให้เรามีที่ยืนในสังคมน้อยลง ถ้าหากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป และคนที่เสียใจอีกคนก็คือ พ่อแม่รวมทั้งคนในครอบครัว
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา มีนักเรียนหญิงที่จบออกไป เผยความรู้สึกให้ฟังว่า ตนเองเคยถูกถ่ายคลิปลักษณะนี้ไว้ แล้วเพื่อนๆ นำไปเผยแพร่ต่อยังเว็บไซต์ต่างๆ คนรู้จัก เพื่อนในที่ทำงานเห็นเข้าก็มองไม่ดี รู้สึกอับอาย และเสียใจมาก ถ้าย้อนอดีตได้ก็คงไม่ทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดกรณีข่าวนี้ขึ้นมา ได้มีครูในพื้นที่สุโขทัยจำนวนมากแสดงความห่วงใย และต้องการให้ทุกภาคส่วนร่วมมือกันแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ใช่โยนผิดให้ครูรับแต่ฝ่ายเดียวเท่านั้น เพราะปัญหาเกิดจากหลายปัจจัยร่วม