ผู้สื่อข่าวรายงาจาก จ.อุดรธานี มาเมื่อเช้าวันที่ 7 เมษายน ได้เกิดเพลิงปะทุขึ้นมาลุกไหม้ "กองวัสดุไม้ยูคาย่อยสับย่อย" ภายในโรงงาน สับย่อยไม้ยูคา เครือข่าย บ.ไชโย เอเอ.จก. (โรงงาน อ.เพ็ญ) บ.นาดี ม. 4 ต.เชียงหวาง อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี และรุนแรงขยายวงกว้างขึ้น หลังจากเกิดเหตุเพลิงไหม้เมื่อคืนที่ผ่านมา และสามารถสกัดกั้นเพลิงได้ แต่เพราะมีลมกระโชกแรงเพลิงจึงลุกขึ้นมาอีก โดยมีนายจีระศักดิ์ ศรีคชา นายอำเภอเพ็ญ พ.ต.อ.จักฎ์กฤษณ์ จันทร์รัตน์ พ.ต.อ.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี พ.ต.อ.รักษ์พงศ์ รัตนพงศ์ ผกก.สภ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ร่วมกันอำนวยการดับเพลิง
สำหรับที่เกิดเหตุเป็นโรงงานมีเนื้อที่ 100 ไร่ มีอาคารและเครื่องจักรปลอก และสับย่อยไม้ส่งขายต่างประเทศ เพื่อผลิตเป็นกระดาษ ด้านหน้ามีกองท่อนไม้ยูคาหลายหมื่นตัน ทางทิศตะวันตกมีกองไม้ย่อยสับ สูงประมาณ 30 เมตร หรือเท่ากับตึก 4 ชั้น ส่วนทางทิศตะวันออกและหลังโรงงานจะเป็นกองเปลือกไม้ ต้นเพลิงไฟกำลังลุกไหม้กองเปลือกไม้ด้านหลังโรงงาน เจ้าหน้าที่และคนงานได้ช่วยกันระดมฉีดน้ำ และใช้รถแทรคเตอร์ตัก และดันกองไม้ย่อยสับส่วนที่ไฟไหม้ ออกจากส่วนที่ยังไม่ไหม้ แล้วระดมรถบรรทุกมาขนออก เพราะส่วนที่ไหม้ไม่สามารถดับได้แล้ว
ต่อมา พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้บัญชาการศึกษา กองการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ระบุว่าเป็นเจ้าของกิจการ เดินทางด่วนจาก กทม.ด้วยเครื่องบินมาที่ จ.อุดรธานี และเดินทางต่อมายังโรงงาน เพื่อบัญชาการดับเพลิงด้วยตนเอง โดยขึ้นไปบนรถดับเพลิง ถือสายยางฉีดน้ำดับเพลิง ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ และลมกรรโชคแรงอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดก็ได้ร้องขอความช่วยเหลือ จากหน่วยงานต่างๆ ให้ระดมรถดับเพลิงและรถน้ำทุกหน่วยงานทั่ว จ.อุดรธานี หนองคาย หนองบัวลำภู รวมประมาณ 50 คัน มาช่วยสกัดเพลิง
พ.ต.อ.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า มาดูแลควบคุมการดับเพลิงตั้งแต่กลางคืน จนถึงรุ่งเช้า ยังไม่สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และได้รายงานผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.อุดรธานี จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เหตุดังกล่าวไม่ใช่เป็นการวางเพลิง เพราะโรงงานดังกล่าวได้มีเหตุเพลิงไหม้กองเปลือกไม้เป็นประจำ เพราะเปลือกไม้มีน้ำมันซึ่งเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เมื่อทับถมกันมากๆ และมีอากาศร้อนอบอ้าว ก็จะปะทุไฟขึ้นมาเอง
"ซึ่งทางโรงงานก็ป้องกันโดยจะเตรียมสายยางฉีดน้ำดับไฟไว้ตลอด และสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ทุกครั้ง แต่อากาศร้อนทะลุ 40 -42 องศา ติดต่อมา 9 วัน จึงทำให้เกิดไฟเกิดปะทุ และมีลมกรรโชคแรง ทำให้เพลิงลุกลามไปติดกองแกนไม้ที่ต้องส่งไปขายอย่างรวดเร็ว แกนไม้สับยังมีลักษณะคล้ายขี้เลื่อย ทำให้ไฟระอุอยู่ด้านในทำให้ดับยาก ไฟจะปะทุขึ้นมาเมื่อใดก็ได้หากยังไหม้ไม่หมด จึงต้องแยกส่วนที่ยังไม่ไหม้ออกมา สันนิษฐานเบื้องต้นมูลค่าเสียหายมากกว่า 100 ล้านบาท"พ.ต.อ.ธนชาติกล่าว