เมื่อวันที่ 6 เมษายน พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รอง ผบช.น. ในฐานะหัวหน้าชุดตรวจสอบการดำเนินการกิจการสถานบริการและสถานประกอบการ (ชตส.บช.น.) เปิดเผยกรณี พล.ต.ต.วรวิทย์ ลิปิพันธ์ รอง ผบช.สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ (รอง ผบช.สยศ.ตร.) มีบันทึกข้อความเรื่อง การปรับปรุงโซนนิ่งของสถานบริการ ตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ถึง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เพื่อทำการแก้กฎหมายโซนนิ่งสถานบริการ ว่า ในส่วนของข้อกฎหมาย ข้อปฏิบัติต่างๆ คาดว่าภายในวันที่ 10 หรือ 11 เมษายนนี้ จะมีการประชุมที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยจะให้แต่ละกองบังคับการ (บก.) 1-9 เสนอโซนนิ่งในพื้นที่ เพื่อให้ทาง บช.น.พิจารณาว่ามีผลกระทบหรือไม่ โดยต่อไปต้องทำให้อยู่ในโซนทั้งหมด การเปิดสถานบริการหรือสถานประกอบการ ถึงเวลา 03.00 น. สามารถทำได้ แต่ทุกร้านต้องมีใบอนุญาต อยู่ในโซน และอยู่ภายใต้การควบคุมของตำรวจในกรอบของกฎหมาย เพราะตอนนี้พวกที่ไปเปิดนอกโซนและไม่มีใบอนุญาตมีเกือบ 1,500 ร้านแล้ว ทำให้รัฐสูญเสียรายได้จากภาษีและอื่นๆ ปีละกว่าพันล้านบาท

พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่า สำหรับพื้นที่ที่อยู่นอกโซน เช่น ย่านทองหล่อ ก็มีการขออนุญาตเปิดให้ถูกต้องมาแล้ว ซึ่งจากนี้ไป บรรดาสถานบริการที่ขออนุญาต เจ้าหน้าที่จะต้องดูความพร้อมทั้งหมดว่าได้มาตรฐานมีความปลอดภัยและกระทบกับชุมชนหรือไม่ หากสถานบริการรายใด มีการร้องเรียนมา ทางสถานบริการนั้นๆ ต้องไปพูดคุยกับทางชุมชน และต้องทำประชาพิจารณ์จากคนในชุมชนว่าเปิดได้หรือไม่ อาจมีการตกลงกันเช่นดูแลเรื่องไฟฟ้าส่องสว่าง ป้ายบอกทาง หรือกล้องซีซีทีวี และต้องดูแลด้วยไม่ให้ไฟดับ หรือกล้องเสีย หากคนในชุมชนละแวกนั้นได้ประโยชน์ ทำประชาพิจารณ์ผ่านการยอมรับ เมื่อมีการขอใบอนุญาตก็จะนำส่วนนี้มาประกอบในการพิจารณาด้วย แต่หากทำประชาพิจารณ์ในชุมชนแล้วไม่ผ่านก็ต้องปิดไป

"เมืองนอก มีกฎหมายเข้มข้นในการดูแลสถานบริการค่อนข้างหนัก จับกุมดำเนินคดีจริงจัง แต่กฎหมายของเรายังถือว่าอ่อนจึงต้องปรับปรุง หากเปิดให้บริการแล้วไม่มีใบอนุญาตมีความผิดจำคุก 7-10 ปี ก็คงไม่มีใครกล้าเปิด ต่อไปจะวิ่งเข้ามาขอใบอนุญาตกับเรา ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย รัฐบาลก็จะได้เงินจากค่าภาษีเพิ่มเติมด้วย ไม่ใช่เหมือนกับที่ผ่านๆ มา ซึ่งหากมีการประชุมเสร็จสิ้นเรียบร้อย มีความเห็นชอบในที่ประชุมได้ข้อสรุปชัดเจน ก็จะทำเรื่องเสนอสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการกระทรวงมหาดไทยพิจารณาต่อไป" รอง ผบช.น.กล่าว

ถามว่าเมื่อมีการเปิดเวลาในการให้บริการมากขึ้นก็อาจมีคนต่อต้านว่า ทำให้คนดื่มแอลกอฮอล์กันมากขึ้น พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า ส่วนนี้หากกฎหมายผ่านแล้ว ถือว่าเป็นไปตามประชาธิปไตย ว่าไม่ได้ เพราะทำถูกต้องตามขั้นตอนหากมีการอนุมัติ อย่างไรก็ตาม ตำรวจก็ยังคงกวดขันในเรื่องเมาไม่ขับ ยังคงแนะนำว่าผู้จะมาใช้สถานบริการต่างๆ แล้วดื่มแอลกอฮอล์ก็แนะนำว่าไม่สมควรขับรถอยู่แล้ว เพราะผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะมีการขยายเวลาให้บริการเพิ่มเติมหรือไม่ก็ตาม

ถามว่าอาจมีตำรวจบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการทำสถานบริการให้ถูกต้องตามกฎหมายทั้งหมด เพราะอาจมีนอกมีในได้รับประโยชน์ในการเปิดของสถานบริการในพื้นที่ พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องยอมรับไป ก็เหมือนกับหวยใต้ดินที่เอามาอยู่บนดิน เงินภาษีที่ได้นอกจากเข้ารัฐแล้วก็ถือว่านำมาใช้ในการพัฒนาประเทศ อาจได้น้อยลงก็ต้องยอมรับ เพราะการทำให้ถูกต้องตามกฎหมายถือว่าดีที่สุดแล้ว

นายวิฑูรย์ ธรรมสิริ ผู้ประกอบการสถานบันเทิง ย่านซอยนานาและที่พัทยา กล่าวถึงการปรับปรุงเนื้อหากฎหมายสถานบันเทิง อาจมีการขยายเปิดเวลาให้นานขึ้นเพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ว่า เป็นเรื่องที่ดีมาก ตนอยู่ในวงการมา 10 ปี นักท่องเที่ยวมาเที่ยวจริงๆ นำเงินเข้ามาเที่ยวประเทศของเรา ลูกค้าไม่เคยมีการทะเลาะกัน ยังเคยมีลูกค้าถามว่าทำไมปิดเร็วจังยังไม่ได้ทำอะไรเลย ทางกลุ่มของเราพยายามทำหนังสือเรียกร้องไปยังผู้ดูแลในเรื่องการปิดสถานบันเทิงให้เวลามากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เงียบหายไป

"บอกตามตรงไม่ใช่คนเห็นแก่ได้ แต่มันเป็นเวลาทำงานของคนกลางคืน นักท่องเที่ยวที่เป็นชาวต่างประเทศเวลามาเที่ยวประเทศของเราจะแบ่งเวลาอยู่แล้ว เวลาไหนทำธุรกิจเวลาไหนเที่ยว ผมลงทุนมานานที่ซอยนานา (ถนนสุขุมวิท กรุงเทพฯ) ผมก็ยังมีหุ้นส่วนอยู่ แต่หลักๆ จะไปทำที่พัทยา สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างดี ถ้าเปิดได้ถึง ตี 4 ตี 5 จะสร้างรายได้ให้กับประเทศได้มากขึ้น และสร้างรายได้ให้กับน้องๆ ที่มาทำงานในสถานบันเทิงด้วย