เทคนิคการแต่งหน้าแบบ Professional

ครีมรองพื้น

ครีมรองพื้น มีลักษณะเป็นเนื้อครีมมีทั้งเข้มข้นและบางเบา มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยปกปิดรอยด่างดำ รอยสิว รอยฝ้า รอยกระ หรือรอยหมองคล้ำต่างๆ บนใบหน้า และยังช่วยปรับสีผิวหน้าให้ดูเรียบเนียนขึ้น เป็นธรรมชาติมากขึ้น

วัตถุประสงค์หลักของการใช้ครีมรองพื้น คือ เพื่อปรับผิวให้เนียนเรียบ อำพรางจุดบกพร่องที่พื้นผิวหน้า และทำให้แป้งฝุ่นและเครื่องสำอางติดทนนานโดยปกติแล้วครีมรองพื้นมีอยู่ 2 นิดคือ
1. ชนิดที่มีน้ำผสมอยู่มากกว่าน้ำมัน ชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่มีผิวมัน ผิวธรรมดา และผิวผสม
2. ชนิดที่มีน้ำมันผสมอยู่มากกว่าน้ำ ชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้ง

ครีมรองพื้นมีกี่แบบ:
ครีมรองพื้นชนิดเหลว (Liquid Foundation): มีเนื้อครีมบางเบา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ
ครีมรองพื้นชนิดเนื้อครีมเข้มข้น (Stick Foundation): มีเนื้อครีมเข้มข้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกปิดรอยต่างๆ บนใบหน้า
ครีมรองพื้นชนิดอัดแข็ง (Sheer Foundation): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกปิดร่องรอยเพียงเล็กน้อยบนใบหน้า และต้องการให้ใบหน้าดูเนียนเป็นธรรมชาติ

ส่วนผสมพิเศษที่มากับครีมรองพื้น:
ครีมรองพื้นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์ จะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวมากขึ้น ครีมรองพื้นชนิดนี้จึงเหมาะกับสาวผิวแห้ง

ครีมรองพื้นชนิด Oil-free หรือครีมรองพื้นชนิดที่ไม่มีน้ำมันผสม (Oil-free Foundation) สามารถดูดซับความมันบนใบหน้าระหว่างวันได้ และเพื่อเลี่ยงความมันจากการแต่งหน้า ครีมรองพื้นชนิดนี้จึงเหมาะกับสาวหน้ามัน

ครีมรองพื้นที่มีส่วนผสมของครีมกันแดด จะช่วยปกป้องผิวหน้าจากรังสียูวี และเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวมากขึ้น

ครีมรองพื้นที่ผสมสารแอนตี้ออกซิแดนท์ จะช่วยต่อต้านการเกิดสารอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์ผิวเสื่อมสภาพ


การลงรองพื้น
1. เริ่มเกลี่ยรองพื้นที่บริเวณข้างแก้ม โดยเกลี่ยในทิศทาง ลงมาที่ลำคอ
2. หลังจากนั้นให้เกลี่ยจากกึ่งกลางของหน้าผาก ออกไปทางด้านข้าง
3. หลังจากนั้นให้ลงบริเวณปลายคาง, จมูก และเปลือกตา (ต้องระวังบริเวณปีกจมูกหรือปลายตาเพราะเรามักจะละเลยเนื่องจากเป็นบริเวณที่เล็ก

การลงรองพื้นนั้นควรลงที่บริเวณ T-Zone แต่เพียงบางเบา เนื่องจากบริเวณนี้มีต่อมเหงื่อมาก ถ้าลงหนาเกินไปเมื่อมีเหงื่อออกมา เหงื่อก็จะไปดัน Foundation ให้หลุดลอยออกมาได้

คอนซีลเลอร์ (Concealer)
คอนซีลเลอร์ คือเครื่องสำอางชนิดพิเศษ มีคุณสมบัติช่วยปกปิดจุดด่างดำ กระ ฝ้า และแผลเป็นที่ไม่ปรึงปราถนา คอนซีลเลอร์มีคุณสมบัติเดียวกับครีมรองพื้น แตกต่างตรงที่คอนซีลเลอร์จะใช้ปกปิดร่องรอยเฉพาะจุดบนใบหน้าเท่านั้น คอนซีลเลอร์ มีให้เลือกใช้หลายแบบ ทั้งแบบเนื้อครีม แบบสติก และแบบเนื้อเหลว แล้วแต่ความสะดวกและความต้องการของแต่ละคน

วัตถุประสงค์หลักของการใช้คอนซีลเลอร์ คือ เพื่อปกปิด และอำพรางรอยหมองคล้ำใต้ตา ปกปิดรอยดำคล้ำ จุดด่างดำ ฝ้า กระ และบริเวณที่สีผิไม่เรียบเนียน

วิธีใช้คอนซีลเลอร์
คอนซีลเลอร์จะถูกใช้ก่อนครีมรองพื้นหรือก่อนลงแป้ง โดยใช้ครีมรองพื้นแต้มบริเวณจุดด่างดำ หรือร่องรอยแผลเป็นจากสิวที่คุณต้องการปกปิด จากนั้นถึงใช้ครีมรองพื้นและแป้งฝุ่นทาทับอีกครั้ง สีของคอนซีลเลอร์ ควรเป็นสีที่อ่อนกว่าสีของครีมรองพื้น

เราควรมี Concealer ไว้ ประมาณ 2 เฉดสี เพื่อใช้ในวัตถุประสงค์ที่ต่างกันดังนี้

1) สำหรับการปกปิดจุดด่างดำ, กระ และสีผิวที่หมองคล้ำ:
หลังจากที่ลงรองพื้นเรียบร้อยแล้ว ให้เลือกสี Concealer ที่เหมาะสมกับสีผิวบริเวณที่ต้องการจะใช้ เมื่อสีของผิวและ Concealer ใกล้เคียงกันแล้วเราจะได้สีผิวที่สม่ำเสมอและเรียบเนียนดีหลังการใช้งาน สำหรับการเกลี่ยให้ใช้Sponge เกลี่ยในลักษณะของการตบลงไปเบาๆให้ทั่วบริเวณที่ต้องการ (ในกรณีนี้ควรเลือก Concealer สีเดียวกันกับ Foundation)

2) สำหรับการลงเพื่อเพิ่มมิติให้แก่บนใบหน้า:
บริเวณที่แนะนำให้ใช้ คือบริเวณเปลือกตาบน, ใต้ตา, หางตา,ปีกจมูก หรือมุมปาก หลักจากการลงรองพื้นแล้วให้เลือกสีที่เหมาะสมกับผิวที่ต้องการใช้ แต้มลงไปตรงบริเวณที่ต้องการแล้วเกลี่ยด้วยนิ้วมือ หรือแปรงให้เนียน (ในกรณีนี้ควรเลือก Concealer สว่างกว่าสี Foundation ระดับ)

3) สำหรับบริเวณที่เป็นรอยหมองคล้ำ
เนื่องจากผิวบริเวณรอบดวงตาเป็นบริเวณที่มีความบาง และจะเพิ่มรอยคล้ำได้ง่ายมากขึ้นถ้าเราใช้สีสว่างเกินไป และถ้าหากเราใช้ Concealer มากเกินไปก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติ ในกรณีนี้แนะนำให้ใช้ Concealer ที่สว่างกว่าสี Foundation ปรกติ 1 ระดับ

แป้งฝุ่น

แป้งที่ใช้สำหรับแต่งหน้านั้น มีทั้งแป้งฝุ่น แป้งแข็ง และ แป้งทูเวย์ แต่ละแบบต่างมีคุณสมบัติแตกต่างกัน คือ

แป้งฝุ่น:
คือ แป้งชนิดที่มีเนื้อละเอียดบางเบาเหมือนฝุ่นละอองเล็กๆ เหมาะสำหรับทาทับลงบนผิวหน้าหลังจากการรองพื้น หรือทาคอนซีลเลอร์ไว้ แป้งฝุ่นมีคุณสมบัติ ช่วยให้ผิวดูนวลเนียนเป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น และช่วยดูดซับความมันหลังการแต่งหน้าได้เป็นอย่างดี ควรใช้แป้งฝุ่นสีเดียวกันกับผิวเรา (ควรทดลองสีก่อนซื้อที่ Counter) เราใช้แป้งฝุ่นเพื่อทำให้รองพื้นติดทนนานมากขึ้นและการแต่งหน้าก็จะดูสวยสมบูรณ์แบบ

วัตถุประสงค์หลักของการใช้แป้งฝุ่น คือ เพื่อทำให้ใบหน้าดูนวลเนียนและสีสันบนใบหน้าดูเด่นชัดขึ้น

เราสามารถลงแป้งฝุ่นได้ 2 วิธีคือ
ใช้พัฟแตะแป้งฝุ่นแล้วกดซับเบาๆให้ทั่วใบหน้า วิธีการนี้จะทำให้แป้งค่อนข้างหนาและแป้งจะยึดติดกับผิวหน้าได้ดีทำให้ใบหน้าดูนวลเนียนมากเหมาะสำหรับการแต่งหน้าในตอนเช้า (เพื่อให้แป้งติดทนนาน)
ใช้แปรงที่มีขนาดใหญ่แตะแป้งฝุ่นแล้วไล้ให้ทั่วใบหน้า วิธีนี้จะทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด (และใบหน้าก็ยังคงความนวลเนียนอยู่)

แป้งแข็ง: คือ แป้งฝุ่นเนื้อละเอียดเช่นเดียวกัน แต่ถูกอัดแข็งลงในตลับแป้ง ดังที่เรานิยมพกพาติดตัวไปไหนต่อไหน และเพิ่มความสะดวกในการเติมแป้งระหว่างวันนั่นเอง
แป้งทูเวย์: คือแป้งฝุ่นอัดแข็งที่มีส่วนผสมของครีมรองพื้น ช่วยเพิ่มความสะดวกและประหยัดเวลา เพราะแป้งทูเวย์สามารถทาได้โดยไม่ต้องทำการรองพื้นก่อน และยังมีส่วนผสมพิเศษเช่นเดียวกับครีมรองพื้น คือ ส่วนผสมของครีมกันแดด มอยส์เจอร์ไรเซอร์ หรือแบบออยล์ฟรี เป็นต้น

ข้อควรระวังในการเลือกใช้แป้ง:
แป้งที่ดี ควรมีเนื้อละเอียด เมื่อทาลงบนผิวหน้าแล้ว จะต้องไม่รู้สึกหยาบ หรือเป็นคราบเกาะบนผิวหน้า เวลาเลือกซื้อ ควรทดลองทาลงบนใบหน้าจริงๆ เพื่อดูโทนสีของแป้งที่เหมาะกับผิวหน้าจริง และเพื่อทดสอบความละเอียดของเนื้อแป้งอีกด้วย

ดินสอเขียนคิ้ว

ดินสอเขียนคิ้ว มีคุณสมบัติช่วยเติมแต่งคิ้วให้ดูได้รูปสวยงาม ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับเทคนิกการเขียนของแต่ละคน สีพื้นฐานของดินสอเขียนคิ้วที่เราจะนิยมใช้ จะเป็นสีที่ดูธรรมชาติมากที่สุด ซึ่งสีควรจะใกล้เคียงกับสีคิ้ว และสีผมของคุณ คือ สีดำ สีน้ำตาล สีน้ำตาลเข้ม เป็นต้น

วิธีเลือกซื้อดินสอเขียนคิ้ว
ควรเลือกสีดินสอเขียนคิ้วให้ใกล้เคียงกับสีผม และเลือกเนื้อที่ค่อนข้างแข็งจะทำให้เขียนได้ง่าย และเประยากกว่าเนื้อดินสอนที่นิ่ม

วิธีการวัดเส้นคิ้วที่เหมาะสม
ก่อนที่จะเริ่มเขียนคิ้วให้ใช้ แปรงปัดแป้งที่ติดอยู่ตามขนคิ้วออกให้หมดเสียก่อน

ใช้ดินสอหรือ อายแชโดว์สีน้ำตาลก็ได้ไล้ไปตามแนวขนคิ้ว โดยเริ่มจากหัวคิ้ว (1)

ให้จุดที่สูงที่สุดของคิ้วอยู่บริเวณปลายตาดำ (2)

หางคิ้วจะต้องไม่ยาวเลยเส้นเฉียงที่พาดจากปีกจมูกมาจรดปรายตา (3)

หางคิ้วจะต้องไม่อยู่ต่ำกว่าหัวคิ้ว (4)

ดินสอเขียนขอบตา
ดินสอเขียนขอบตา มีคุณสมบัติช่วยเติมแต่งตาให้ดูคมเข้ม ดูโดดเด่นและสดใส ดินสอเขียนขอบตาที่ดีควรมีเนื้อนุ่ม สีพื้นฐานของดินสอเขียนขอบตาที่เราจะนิยมใช้ จะเป็นสีที่ดูธรรมชาติมากที่สุดเช่นเดียวกับดินสอเขียนคิ้ว แต่ดินสอเขียนขอบตาจะมีสีอื่นๆ ให้เลือกใช้มากกว่า ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสไตล์และเทคนิคการแต่งหน้า โอกาส และความต้องการของแต่ละคน

เทคนิคการใช้ดินสอเขียนขอบตา
หากดินสอเขียนขอบตาที่คุณใช้ มีเนื้อแข็งเกินไป ให้แตะปลายดินสอกับมอยส์เจอไรเซอร์ก่อนลงมือเขียน หรือหากเนื้อดินสอนิ่มเกินไป ให้แช่ดินสอไว้ในตู้เย็นสักพักก่อนใช้งาน ก็จะช่วยให้เนื้อดินสอแข็งขึ้น และเขียนง่ายขึ้นได้

เพื่อเพิ่มความคมชัดให้กับดวงตา เราควรเขียนให้ชิดขอบตามากที่สุดเพื่อความเป็นธรรมชาติและสีของดินสอต้องไม่เข้มมากจนเกินไป

อายแชโดว์
อายแชโดว์ คือเครื่องสำอางที่ช่วยสร้างสีสันบริเวณเปลือกตา
อายแชโดว์ มีให้เลือกใช้ด้วยกันหลายแบบ ทั้งแบบฝุ่น แบบเนื้อครีม แบบเนื้อด้าน และแบบอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ความพอใจของผู้ใช้ อายแชโดว์ที่ดี ควรมีเนื้อละเอียด บางเบา ไม่ทิ้งคราบเลอะเทอะไว้บนเปลือกตา

สีสันของอายแชโดว์ มีให้เลือกด้วยกันหลากหลายสี ตามแต่ความต้องการ โดยปกติ สีของอายแชโดว์ จะถูกเลือกใช้ให้เหมาะกับเสื้อผ้าที่สวมใส่ หรือในแต่ละโอกาส เช่น สีฟ้า สำหรับความสดใส ยามเดินชอปปิ้ง หรือไปทะเล สีทอง สำหรับชุดหรู ของงานราตรี เป็นต้น ในการแต่งหน้าแต่ละครั้ง เราควรมี อายแชโดว์ประมาณ 3 สี เพื่อทำให้ดวงตาดูมีมิติมากยิ่งขึ้น แต่ในบางโอกาส เราสามารถใช้เพียงสีเดียวได้
วิธีการลงอายแชโดว์ให้ได้ความสวยงาม
ในการระบายสีให้เปลือกตาในแต่ระครั้งเราควรมี อาย แชโดว์อย่างน้อย 3 สี เพื่อทำให้ตาดูมีมิติและความคมชัด
สีที่ 1 จะเป็นสีที่อ่อนที่สุด
สีที่ 2 สีที่ต้องการโชว์ และ
สีที่ 3 คือสีที่เข้มที่สุด



วิธีการทา

ระบายสีที่อ่อนที่สุดบริเวณโหนกคิ้ว

ระบายสีที่ 2 ให้ทั่วเปลือกตา

ระบายสีที่ 3 โดยเริ่มจากบริเวณชิดขอบตาบน แล้วจึงไล่ไปจนถึงรอยชั้นพับตา

หลังจากนั้นให้ใช้ดินสอเขียนขอบตา หรือสีฝุ่นน้ำตาลเข้มหรือดำก็ได้ ไล่ไปตามแนวเส้นขนตาเพื่อให้ได้ขอบตาที่คมชัด

ในการทาสีที่ 3 ถ้าเราทาให้เลยรอยพับตาขึ้นไปนิดหน่อยก็จะทำให้ตาดูโตมากยิ่งขึ้นและควรเกลี่ยให้เนียนไม่ให้เหลือคราบเอาไว้ก็จะทำให้ตาดูเป็นธรรมชาติมาก

มาสคาร่า

มาสคาร่า มีความสามารถพิเศษ ช่วยให้ขนตาดูดกดำ ยาวงอนเป็นระเบียบ ทำให้ดวงตาดูโต และเน้นให้ตาดูคมชัดขึ้น มาสคาร่ามีด้วยกันสองแบบ คือ แบบธรรมดา และแบบกันน้ำได้

วิธีเลือกมาสคาร่า:
การเลือกใช้มาสคาร่า ควรเลือกที่สีก่อน สีธรรมชาติของมาสคาร่าคือ คือสีดำ และสีน้ำตาล ส่วนสาวๆ ที่มีเทคนิคการแต่งหน้าพิเศษ อาจจะเลือกใช้สีมาสคาร่าสีอื่นๆ ได้ เช่นสีฟ้า สีเขียว สีม่วง เช่นเดียวกับสีของอายแชโดว์ที่ทา หรือสีของเสื้อผ้าที่ใส่เป็นต้น นอกจากสีของมาสคาร่าแล้ว ด้ามจับของมาสคาร่าก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน ด้ามจับควรมีขนาดพอดี ไม่สั้น ไม่ยาวเกินไป เวลาใช้ควรให้ความรู้สึกถนัดมือมากที่สุด

วิธีทำความสะอาดมาสคาร่า:
การทำความสะอาดขนตาที่ถูกต้อง ควรทำความสะอาดด้วยการใช้อายเมคอัพรีมูฟเวอร์ (Eye Makeup Remover) เพื่อหลีกเลี่ยงความระคายเคืองของผิว และลบรอยมาสคาร่าได้อย่างหมดจด

ข้อควรระวังในการใช้มาสคาร่า:
ควรจับด้ามมาสคาร่าให้ถนัดมือ และควรปัดมาสคาร่าเพียงหนเดียว หากจำเป็นต้องปัดสองหน ควรรอให้หนแรกแห้งเสียก่อนถึงจะปัดซ้ำอีกครั้ง มิเช่นนั้น จะทำให้ขนตาเกาะกันเป็นก้อนได้

ดินสอเขียนขอบปาก
ดินสอเขียนขอบปาก คือเครื่องสำอางที่นอกจากจะช่วยให้คุณทาลิปสติกง่ายขึ้นแล้ว ยังช่วยเน้น หรือแก้ไขรูปปากที่เล็กหรือใหญ่ ให้ดูสวยขึ้นอีกด้วย

วิธีใช้ดินสอเขียนขอบปาก
ดินสอเขียนขอบปาก จะถูกใช้ก่อนทาลิปสติก โดยการเขียนรูปปากให้ได้รูปดังที่คุณต้องการ แล้วจึงทาลิปสติกตามรูปปากที่คุณวาดไว้

วิธีเลือกซื้อดินสอเขียนขอบปาก
ดินสอเขียนขอบปากที่ดี ควรมีเนื้อดินสอที่นุ่ม เขียนได้อย่างต่อเนื่อง สีที่เลือกใช้ ควรเป็นสีโทนเดียวหรือเข้มกว่าสีลิปสติกที่คุณจะใช้ด้วย

เพื่อเขียนรูปริมฝีปากให้สมบูรณ์แบบ เราควรเลือกสีของดินสอเขียนขอบปากให้ใกล้เคียงกับสีลิปสติกมากที่สุด เพื่อทำให้ริมฝีปากดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

ลิปสติก
ลิปสติก คือ เครื่องสำอางชนิดแรกที่ผู้หญิงเราหรือใครๆ มักถึงนึก ลิปสติก สามารถช่วยเพิ่มสีสันบริเวณริมฝีปาก ให้ดูสดใส และยังบ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงอีกด้วย ปัจจุบัน ลิปสติกถูกออกแบบมาให้เราเลือกใช้มากมายหลายแบบ ทั้งแบบเนื้อครีมมันแวววาว แบบเนื้อด้าน และอีกหลายแบบมากมาย

วิธีเลือกซื้อลิปสติก
เวลาเลือกซื้อลิปสติก ควรลองทาจริงบนริมฝีปากของคุณ เพราะนอกจากทดสอบความเนียนละเอียดของเนื้อลิปสติกแล้ว สีสันของลิปสติกที่คุณเห็นตามเคาน์เตอร์นั้น จะไม่ใช่สีจริงที่คุณจะได้เห็นบนริมฝีปากของคุณจริง เฉพาะฉะนั้น เวลาทดลองสีลิปสติก คุณควรดูว่าสีสันที่ปรากฏนั้นเป็นที่พอใจหรือยัง นอกจากนี้ ควรทดลองดมกลิ่นของลิปสติกด้วยว่า เป็นกลิ่นที่คุณรับได้หรือไม่ เพราะลิปสติกแต่ละยี่ห้อ จะมีกลิ่นไม่เหมือนกัน คุณต้องมั่นใจว่า เมื่อทาลิปสติกลงบนริมฝีปากแล้ว จะไม่สร้างความรำคาญให้กับคุณ

สีของลิปสติก
ลิปสติก เป็นเครื่องสำอางที่มีสีสันให้เลือกมากที่สุด แต่โดยปกติแล้ว ผู้หญิงเราจะมีสีลิปสติกที่ถูกใจอยู่เพียงไม่กี่สี แล้วคุณรู้หรือไม่ว่า สีลิปสติกที่คุณมีอยู่แล้ว เมื่อนำมาผสมกัน จะกลายเป็นสีใหม่ที่คุณไม่จำเป็นต้องลงทุกซื้อเพิ่มเลยล่ะ
ขั้นตอนการทาลิปสติก
การเขียนขอบปากก่อนถือเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะวาดรูปปากใหม่ให้สวยงาม



ให้เริ่มเขียนในบริเวณที่หนึ่งก่อน จากนั้นเขียนในจุดที่ 2 แล้วดูว่าเราเขียนรอยหยักของปากเท่ากันหรือเปล่า

หลังจากนั้นเริ่มเขียนบริเวณที่ 3

แล้วตามด้วยบริเวณที่ 4, 5, 6 และ7 โดยวิธีการเขียนควรเริ่มเขียนจากมุมปากเข้ามาเพื่อง่ายต่อการกำหนดรูปริมฝีปาก

ปัจจุบันนี้มีลิปสติกอยู่มากมายหลายชนิด แต่เราควรเลือกชนิดที่มี Moisture เพื่อปกป้องให้ริมฝีปากมีความชุ่มชื่นอยู่เสมอ และควรเลือกเฉดสีให้เหมาะสมกับ Eye shadow และ Brush on

ลิปกลอส

ลิปกลอส คือ เครื่องสำอางที่ช่วยเพิ่มประกายเงางามบนริมฝีปาก สามารถใช้ได้เลย หรือทาทับบนลิปสติกอีกครั้ง เพื่อเพิ่มความเงางามของริมฝีปาก หรือจะใช้ทาก่อนทาลิปสติกก็ได้ เพื่อช่วยบำรุงและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก

ในการแต้มลิปกลอส ควรแต้มเฉพาะตรงกลางเท่านั้น เพราะถ้าเราแต้มทั่วริมฝีปาก จะทำให้ดูเยิ้ม และริมฝีปากจะแลดูหนาเกินไป

คุณสามารถใช้ลิปกลอสในวันธรรมดา หรือเวลาไหนก็ได้ เพราะลิปกลอส มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปาก และหลีกเลี่ยงผิวลอกของริมฝีปากในหน้าหนาวได้

ปัจจุบัน มีลิปกลอสหลายแบบให้เลือกใช้ ทั้งแบบธรรมดา ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น หรือแบบมีสีและกลิ่นในตัว ซึ่งก็แล้วแต่ความต้องการใช้ในแต่ละโอกาส

บลัชออน

บลัชออน คือเครื่องสำอางที่ช่วยเพิ่มสีสันบริเวณแก้ม และยังช่วยสร้างมิติของใบหน้าให้ดูเล็กลงหรือเรียวงามขึ้น นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้าดูนวลเนียน ทำให้สีสันบนใบหน้าดูเด่นชัดขึ้น

บลัชออน มีให้เลือกใช้ด้วยกันหลายแบบ ทั้งแบบฝุ่น แบบเนื้อครีม แบบเนื้อเจล และแบบอื่นๆ อีกมากมาย แล้วแต่ความพอใจของผู้ใช้ หรือแม้แต่บลัชออนที่มีส่วนผสมของกลิ่นอาโรมาเธอราปี เดี๋ยวนี้ก็มีด้วย

สีสันของบลัชออน โดยธรรมชาติไม่นิยมใช้สีสันมากมายเหมือนกับอายแชโดว์ สีที่นิยมจะเป็นสีที่เพิ่มความธรรมให้กับใบหน้า หรือสีที่บ่งบอกถึงความมีสุขภาพของผิวที่ดี เช่น สีน้ำตาล สีชมพู เป็นต้น
การปัดแก้มเพื่อให้มีสุขภาพดี สามารถทำได้ตามภาพประกอบด้านล่าง
ขั้นตอนแรกให้ยิ้มในกระจกก่อน เราจะเห็นบริเวณโหนกแก้มสูงขึ้นมา ให้ปัดลงบริเวณนั้นแล้วไล้ออกไปทางขมับ

ตำแหน่งการปัดแก้มเราสามารถเช็คได้ดังต่อไปนี้
ลากเส้นตรงลงมาจากกึ่งกลางตาดำ (1)

ลากเส้นแนวนอนจากปีกจมูก (2)

ไม่ควรปัดแก้มล้ำเข้ามาในจุดที่ตัดกันของเส้นที่ 1 และเส้นที่ 2

 

Credit: http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=rabye&date=03-08-2008&group=2&gblog=11
27 พ.ค. 52 เวลา 15:55 26,335 10 106
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...