สำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า ทางการเกาหลีเหนือออกคำสั่งด่วนให้มีการติดตั้งจรวดพร้อมบนฐานยิง เพื่อเตรียมโจมตีแผ่นดินใหญ่ของสหรัฐ และฐานทัพอเมริกันทุกแห่งบนมหาสมุทรแปซิฟิกและในเกาหลีใต้
สำนักข่าวกลางเกาหลี ( เคซีเอ็นเอ ) กระบอกเสียงหนึ่งเดียวของรัฐบาลเปียงยาง รายงานโดยอ้างผลการประชุมฉุกเฉินที่ยาวนานข้ามคืนของเหล่านายทหารระดับสูง โดยมีนายคิม จอง-อึน ผู้นำสูงสุดของประเทศเป็นประธาน ซึ่งคิมได้สั่งการให้กองทัพประชาชนเกาหลี ( เคพีเอ ) เคลื่อนย้ายจรวดที่มีอยู่ทั้งหมดมาติดตั้งบนฐานยิง พร้อมกับรอรับคำสั่งอนุมัติการโจมตีจากเขา ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนในเร็ววันนี้
คำสั่งดังกล่าวมีขึ้น เพื่อเป็นการตอบโต้พฤติกรรมอัน “ยั่วยุ” ของสหรัฐ ที่ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน “บี-2 สปิริต” 2 ลำ ขึ้นบินตรวจการณ์เหนือน่านฟ้าฝั่งใต้ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลเปียงยางถือว่าเป็นการ “ข่มขู่” ที่จะรุกล้ำอธิปไตยของประเทศ กระตุ้นให้ต้องมีการโจมตีอย่างไร้ซึ่งความปรานี ต่อฐานทัพอเมริกันทุกแห่งบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ว่าจะตั้งอยู่บนแผ่นดินใหญ่สหรัฐ เกาะฮาวาย เกาะกวม หรือแม้แต่ในเขตแดนของเกาหลีใต้ก็ตาม
ด้านนายชัค ฮาเกล รมว.กระทรวงกลาโหมสหรัฐ แถลงด่วนเช่นกันว่า การออกบินลาดตระเวนของเครื่องบินทิ้งระเบิด บี-2 สปิริตทั้ง 2 ลำ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภารกิจทางทหารที่มีการลงนามร่วมกับเกาหลีใต้ รัฐบาลวอชิงตันไม่มีเจตนาที่จะใช้อากาศยานทั้ง 2 ลำดังกล่าวเป็นเครื่องมือข่มขู่ฝั่งเหนือ
อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวล่าสุดที่เกิดขึ้นของรัฐบาลเปียงยางถือเป็นสัญญาณเตือนภัยที่ชัดเจนอย่างมาก ว่าสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีใกล้ทะลุจุดเดือดเต็มที่ ทางการสหรัฐขอยืนยันว่า จะตอบโต้อย่างถึงที่สุดเช่นกัน หากเกาหลีเหนือเป็นฝ่ายรุกรานอธิปไตยของวอชิงตัน รวมถึงสร้างความเดือดร้อนให้แก่เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นพันธมิตรของสหรัฐ
ขณะที่ผู้สันทัดกรณีหลายรายต่างแสดงทรรศนะไปในทางเดียวกันว่า เทคโนโลยีด้านการพัฒนาขีปนาวุธติดหัวรบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือยังห่างชั้นกับสหรัฐอยู่มาก เรียกได้ว่าแทบจะไม่สามารถไปต่อกรกันได้เลย แต่การที่รัฐบาลเปียงยางสะสมจรวดพิสัยใกล้และไกลไว้ในคลังสรรพาวุธเป็นจำนวนมาก ก็อาจทำให้สหรัฐต้องหนาวๆร้อนๆบ้างเหมือนกัน