ล่าเหยื่อ ตามงาน สังคมหรู แฉมีเยอะ ถูกหลอก
รวบหนุ่มใหญ่ลวงตุ๋นเงิน 90 ล้านบาท จากไฮโซสาวเชียงใหม่ เผยแอบอ้างเป็นผู้จัดการสวนสัตว์ชื่อดัง ตระเวนออกงานสังคม ตีสนิท"เจ๊ดาว"สาวเจ้าของโครงการคอนโดฯ หรู จนให้ทำงานด้วย พอได้ดีลายก็เริ่มออก แอบไปร่วมมือกับสาวรับเหมาหลอกเงินไฮโซสาวหลายครั้งก่อนหลบหนี สาวคู่ขาโดนรวบทันควัน แต่หนุ่มนักตุ๋นหนีไปกบดานที่เมืองชลนานกว่า 7 เดือน แต่ไม่รอด หลังข่าวการจับกุมกระจายออกไป ทำเอาวงสาวสังคมเชียงใหม่สั่นสะเทือน เพราะมีบรรดาเศรษฐินีสาว และข้าราชการตกเป็นเหยื่ออื้อ
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 28 มี.ค. พ.ต.อ. กิตติพันธุ์ คงทวีพันธ์ ผกก.สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ พ.ต.ท.ถาวร ศรีพฤกษ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.อินทรัตน์ แสนปัญญา สวส. พ.ต.ท.ปริญญา เพชรมี รอง ผกก.สภ.แม่แฝก ช่วยราชการ บก.ภ.จว.เชียงใหม่ ร่วมกันสอบปากคำนายพันจักร บุลสถาพร อายุ 46 ปี อยู่บ้านเลขที่ 189/102 ม.1 ซอยใกล้เคียง ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ผู้ต้องหาฉ้อโกงทรัพย์ โดยจับกุมตัวได้ในพื้นที่ จ.ชลบุรี
พ.ต.อ.กิตติพันธุ์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 2555 น.ส.ณัฐพิมล หรือเจ๊ดาว ชื่นดวง อายุ 38 ปี ผู้จัดการ บ.เดอะสตาร์ เอสเตท เซ็นเตอร์ จก. เจ้าของโครงการคอนโดมิเนียมหรูในพื้นที่ อ.แม่ริม มอบอำนาจให้น.ส.ธันยมนย์ วิกรรัตน์ เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีนายพันจักร และน.ส.ลดา เชื้อสะอาด อายุ 43 ปี ผู้รับเหมาตกแต่งภายในอาคาร ข้อหาฉ้อโกงเงินจำนวน 25,779,376 บาท นอกจากนั้นผู้ต้องหาทั้งคู่ยังมีหมายจับศาลจังหวัดเชียง ใหม่ ในคดีฉ้อโกงน.ส.ณัฐพิมลอีก 2 หมาย รวมวงเงินทั้งสิ้น 90 ล้านบาท
พ.ต.ท.ถาวรกล่าวว่า จากการสืบสวนพบว่า นายพันจักรเคยไปสมัครทดลองงานที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ในตำแหน่งการตลาดและประชาสัมพันธ์ แต่ไม่ผ่านการทดลองงาน ต่อมากลับแอบอ้างว่ามีตำแหน่งเป็นผู้จัดการพื้นที่พิเศษเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ตระเวนออกงานสังคม โดยอาศัยรูปร่างและหน้าตาหลอกหญิงสาวไฮโซ รวมทั้งสาวข้าราชการต่างๆ กระทั่งพบกับน.ส.ณัฐพิมลจนมีความสนิทสนมกัน ต่อมาน.ส.ณัฐพิมลให้นายพันจักรร่วมทำงานด้วยที่ บ.เดอะสตาร์ เอสเตทฯ ในตำแหน่งผู้จัดการส่วนตัวของน.ส.ณัฐพิมล ซึ่งได้รับความไว้วางใจมอบหมายงานสำคัญให้ทำเป็นจำนวนมาก
พ.ต.ท.ปริญญากล่าวเพิ่มเติมว่า ต่อมานายพันจักรรู้จักสนิทสนมกับน.ส.ลดา ผู้รับเหมาตกแต่งภายในอาคาร โครงการคอนโดฯ ของ บ.เดอะสตาร์ เอสเตทฯ กระทั่งร่วมกันหลอกลวงเบิกเงินจากน.ส.ณัฐพิมลไปเป็นจำนวนหลายล้านบาท โดยอ้างว่านำไปซื้อวัสดุในการตกแต่งภายในโครงการคอนโดฯ ดังกล่าว ต่อมานายพันจักรแนะนำให้น.ส.ณัฐพิมลปล่อย เงินกู้ให้น.ส.ลดา โดยมีสัญญาเงินกู้ 3 ฉบับ ประกอบด้วยฉบับแรก วันที่ 24 เม.ย. 2555 จำนวนเงิน 5,500,000 บาท ฉบับที่ 2 วันที่ 28 เม.ย. 2555 เป็นเงิน 18 ล้านบาท และฉบับที่ 3 วันที่ 18 พ.ค. 2555 จำนวนเงิน 2,279,376 ล้านบาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 25,779,376 ล้านบาท เมื่อรวมกับเงินที่เบิกไปก่อนล่วงหน้าเป็นเงินทั้งสิ้น 90 ล้นบาท
พ.ต.ท.ปริญญากล่าวว่า หลังจากนั้นนายพันจักรหลอกลวงนำสัญญาเงินกู้ทั้ง 3 ฉบับ จากน.ส.ณัฐพิมลไปแก้ไขเพิ่มเติมคำว่า "ยกเลิก" ลงไปในสัญญาทั้งหมดก่อนส่งคืน จากนั้นนำเงินทั้งหมดที่ได้มาหลบหนีไป ต่อมาน.ส.ณัฐพิมลพบว่ามีการแก้ไขสัญญากู้เงินดังกล่าว จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายพันจักรและน.ส.ลดา กระทั่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวน.ส.ลดาได้พร้อมนำตัวฝากขังที่เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนนายพันจักรหลบหนีไปกบดานอยู่ในพื้นที่ จ.ชลบุรี กระทั่งพล.ต.ต. เกษมสันต์ บุญญกาญจน์ ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ประสานไปยัง บก.ภ.จว.ชลบุรี จนติดตามจับกุมตัวได้ในศูนย์การค้ากลางเมืองชลบุรี เมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังหลบหนีไปนานกว่า 7 เดือน
พ.ต.ท.ปริญญากล่าวอีกว่า จากการสืบสวนทราบว่า หลังจากได้เงินจากน.ส.ณัฐพิมลแล้ว น.ส.ลดาจะนำไปเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาบิ๊กซีหางดง ก่อนโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารกสิกรไทย สาขาถนนเจริญ เมือง โดยใช้ชื่อน.ส.ลดาเป็นเจ้าของบัญชี แต่นายพันจักรเป็นผู้ถือบัตรเอทีเอ็ม และทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด โดยนายพันจักรเป็นผู้เบิกเงินไปให้ญาติและผู้ใกล้ชิดอีกต่อหนึ่ง
รายงานข่าวจากชุดสอบสวนแจ้งว่า เบื้องต้นนายพันจักรยังให้การภาคเสธ โดยมีญาติและผู้ใกล้ชิดของนายพันจักรพยายามยื่นขอประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวนเป็นเงินจำนวน 5,000,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าวงเงินประกันตัวน้อยกว่าที่ฉ้อโกงไปมาก จึงยังไม่ให้ประกันตัวและนำตัวส่งฝากขังที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ทันที
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า หลังข่าวการจับกุมนายพันจักรกระจายออกไป มีบรรดาข้าราชการและสาวนักธุรกิจชื่อดังในแวดวงไฮโซ จ.เชียง ใหม่ พากันไปตรวจสอบข่าวที่ สภ.ช้างเผือกอย่างต่อเนื่อง พร้อมจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยบางรายเล่าว่า รอดตัวหวุดหวิด บางรายต้องเสียทั้งเงินและตัว แต่ส่วนใหญ่จำนวนไม่มากจึงไม่ติดใจเอาความ