นักท่องเที่ยวหลายรายที่ทำของหายระหว่างการเดินทางแล้วได้คืน ต้องนับว่าโชคดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากทำหายระหว่างการดำน้ำในทะเลลึก
‘ลินด์เซย์ ครัมบรีย์ สคัลแลน’ นักเที่ยวสาวชาวอเมริกัน ทำกล้องหายขณะดำน้ำที่เกาะ ‘เมาวี’ ในรัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2550 หลังจากกลับมาค้นหาในวันถัดไป ก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะหาไม่เจอ จึงต้องยอมสูญเสียกล้องถ่ายรูปและภาพถ่ายในการเดินทางครั้งนั้นทั้งหมด
อีกกว่าห้าปีต่อมา กล้องถ่ายรูปที่หายกลับไปโผล่ที่หาด ‘ไททุง’ ในไต้หวัน ซึ่งมีระยะทางห่างจากจุดที่หายถึง 8,000 กิโลเมตร โดยคาดว่ากล้องถ่ายรูปอันนี้คงจมลงไปใต้มหาสมุทรแปซิฟิก แล้วถูกกระแสน้ำพัดจนมาโผล่ที่ไต้หวัน จนกระทั่งพนักงานของสายการบิน ‘ไชน่า แอร์ไลน์’ มาพบและตามหาเจ้าของ ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ที่ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ไม่ว่าจะเป็นตัวกล้อง แบตเตอรี่และเมมโมรี่การ์ด ที่สามารถดาวน์โหลดรูปออกมาได้อย่างครบถ้วน
สภาพกล้องตอนที่พบ
หลังจมน้ำ 5 ปี แต่เมื่อถอดหน้ากากกันน้ำออก สภาพก็ยังสมบูรณ์
‘ดักลาส เช็ง’ และ ‘ทิม ชวง’ คือพนักงานสายการบินไชน่า แอร์ไลน์ ผู้พบกล้องซึ่งสูญหายไปกว่า 5 ปี พวกเขาใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อดูรูปทีละรูป จนพบรูปเรือใบลำหนึ่ง ที่มีชื่อว่า ‘Teralani 3’ หลังใช้เวลาเสริชชื่อเรือดังกล่าวก็พบว่ามันจดทะเบียนที่เกาะเมาวี ทั้งสองจึงเปิดเฟสบุ๊ค ใช้ชื่อว่า ‘สายการบินไชน่า แอร์ไลน์ กำลังตามหาคุณอยู่’ (China Airlines is looking for you) พร้อมกับโพสต์ภาพของสคัลแลนที่ได้จากเมมโมรี่การ์ดบางส่วนลงในเฟสบุ๊ค รวมถึงส่งข่าวให้สำนักข่าว ‘ฮาวาย นิวส์นาว’ ช่วยตามหาเจ้าของ โดยหลังจากนั้น 2 วัน เพื่อนของสคัลแลนก็จำได้ว่าเป็นรูปของเธอจึงได้แจ้งให้เธอทราบ ด้านเจ้าของกล้องกล่าวว่าเธอรู้สึกประหลาดใจมาก ที่ได้กล้องที่หายไปกว่า 5 ปีคืนมา และไม่อยากจะเชื่อว่า ด้วยระยะเวลาที่นานและระยะทางที่ไกลมาก แต่กล้องและเมมโมรี่การ์ด ยังคงอยู่ในสภาพดี
เฟสบุ๊คที่เปิดขึ้นเพื่อตามหาเจ้าของกล้อง
ขณะที่ดักลาสและทิมกล่าวว่า พวกเขานัดจะพูดคุยกับสคัลแลนผ่านทางเว็บไซต์ และจะเสนอตั๋วเครื่องบินฟรีให้เธอบินมารับกล้องด้วยตัวเอง แต่รู้มาว่าเธอเพิ่งเริ่มงานใหม่ จึงต้องหารือกันถึงวันเวลาที่จะเดินทางมาได้