ระบบอินเตอร์เน็ตทั่วโลกเริ่มช้าลง โดยผู้เชี่ยวชาญด้านระบบความปลอดภัยกล่าวว่าอาจเป็นการโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์
การตอบโต้กันระหว่างกลุ่มต่อต้านการปล่อยไวรัสและบริษัทเจ้าของเครือข่ายก่อให้เกิดการโจมตีอย่างต่อเนื่องที่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้อินเตอร์เน็ตในวงกว้าง นอกจากนั้นยังกระทบต่อเว็บไซต์เน็ตฟลิกซ์ (Netflix) ที่เป็นผู้ให้บริการดูหนังแบบสตรีมมิงแบบถูกลิขสิทธิ์ ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และผู้เชี่ยวชาญกังวลว่ามันอาจลุกลามไปยังระบบคอมพิวเตอร์ของสถาบันการเงินและระบบอีเมล์
"สแปมเฮาส์" องค์กรอิสระที่ไม่หวังผลกำไร ที่มีสำนักงานที่กรุงลอนดอน และนครเจนีวา ของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ให้บริการแจ้งรายชื่อบัญชีดำหมายเลขที่อยู่ไอพีให้แก่เว็บไซต์ทั่วโลก เพื่อนำไปปรับปรุงระบบคัดกรองข้อความขยะ ระบุว่า กลุ่มแฮกเกอร์นิรนามกระหน่ำโจมตีระบบฐานข้อมูลของเว็บไซต์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่แล้ว
เนื่องจากเมื่อเร็วๆนี้ สแปมเฮาส์ได้ทำการบล็อคเซิร์ฟเวอร์ที่กลุ่มไซเบอร์บังเกอร์ (Cyberbunker) เว็บโฮสต์ในเนเธอร์แลนด์เป็นผู้ดูแล โดยเซิร์ฟเวอร์ดังกล่าว ถูกใช้เพื่อเก็บเนื้อหาทุกประเภท ยกเว้นแต่ภาพอนาจารเด็กและการก่อการร้าย
นายสเวน โอลาฟ แคมฟิส ที่อ้างตัวว่าเป็นโฆษกของกลุ่มไซเบอร์บังเกอร์เปิดเผยว่า สแปมเฮาส์ได้ละเมิดหน้าที่ และไม่สมควรได้รับอนุญาตให้เป็นผู้กำหนดว่าอินเตอร์เน็ตควรมีเนื้อหาอย่างไร ด้านสแปมเฮาส์กล่าวโต้ว่า กลุ่มไซเบอร์บังเกอร์ ได้ร่วมมือกับแก๊งอาชญกรรมข้ามชาติจากยุโรปตะวันออกและรัสเซีย ว่าอยู่เบื้องหลังการโจมตีทางไซเบอร์
สื่อหลายแห่งรายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายแคมฟิส ที่ไม่ได้ออกมายอมรับโดยตรงว่ามีส่วนในการโจมตีที่เกิดขึ้น แต่ยอมรับว่า เจ้าของเว็บไซต์หลายแห่งร่วมกันวางแผนเพื่อโจมตีสแปมเฮาส์มานานแล้ว โดยอ้างว่า สแปมเฮาส์เริ่มแสดงอำนาจที่เหนือกฎหมายมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการกล่าวหาเว็บไซต์หลายแห่งว่า เป็นตัวอันตราย แล้วออกคำสั่งให้เว็บไซต์นั้นปิดตัวลง ทั้งที่สแปมเฮาส์คือศัตรูตัวจริงในดลกอินเตอร์เน็ต
อย่างไรก็ดี นายสตีฟ ลินฟอร์ด ซีอีโอของสแปมเฮาส์ เปิดเผยว่า ขอบข่ายการโจมตีเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสแปมเฮาส์ต้องตกอยู่ในภาวะดังกล่าวนานกว่าสัปดาห์ อย่างไรก็ดี การโจมตีไม่สบความสำเร็จ เนื่องจากวิศวกรสามารถกอบกู้ระบบกลับมาได้อีกครั้ง และหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ของ 5 ประเทศได้ดำเนินการสอบสวนสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ดี เขาอ้างว่า ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดอื่นเพิ่มเติมได้ เนื่องจากหน่วยตำรวจแสดงความกังวลว่าตนอาจตกเป็นเป้าการโจมตีระบบภายในเช่นกัน
ทั้งนี้ มีแนวโน้มว่า ไซเบอร์บังเกอร์อาจร่วมมือกับกลุ่มแฮกเกอร์โดยใช้เทคนิค "ดีดีโอเอส" (DDoS) ที่จงใจเพิ่มทราฟฟิกของการใช้อินเตอร์เน็ต ที่อาจมีความรุนแรงสูงสุดถึง 300 กิกะไบต์ต่อวินาที ขณะที่การโจมตีระบบธนาคารปกติจะมีความรุนแรงเพียง 50 กิกะไบท์ต่อวินาที ทำให้เซิร์ฟเวอร์ของระบบโดเมนเนมได้รับความเสียหาย ซึ่งก็คือระบบพื้นฐานที่เชื่อมโดเมนเนมเข้าไว้ด้วยกัน