เวลา 15.00 น.วันที่ 26 มี.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า ที่สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่ พ.ต.อ.ดุลเดชา อาชวะสมิตระกูล ผกก.สภ.ภูพิงค์ พ.ต.ท.บุญรักษ์ คำประพันธ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.พูนทรัพย์ รวมสุข สว.สส.สภ.ภูพิงค์เชียงใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุม ผู้ต้องหาร่วมกันชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธปืน ผู้ต้องหาคือ นายธนาคาร หรือแบงก์  มโนรส อายุ 27 ปี  บ้านเลขที่ 44/1 ถ.วัวลาย ซอย 1  ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่  ตามหมายจับเลขที่ จ. 146/2556 ในข้อหา ร่วมกันชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธ โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป และพยายามฆ่า  ลงวันที่ 26 มีค 56  พร้อมของกลางเป็นโน๊ตบุ๊ก และทรัพย์สินอื่น ๆ ที่คนร้ายได้ชิงเอามาและลักทรัพย์มาจำนวนมาก รวมทั้งมีอุปกรณ์ในการใส่พรางตัวเองทั้งวิก หมวกกันน๊อค ผ้าคลุมหน้า ถุงมือ อาวุธมีด และทางตำรวจยังได้นำหมายจับพร้อมรูปภาพผู้ต้องหาที่ยังคงหลบหนีไปได้อีก 1 คน ซึ่งเป็นพี่ชายของนายธนาคาร คือ นายธีรศักดิ์ มโนรส อายุ 35 ปี มีบ้านเดิมอยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 2 อ.ดอยสะเก็ดเชียงใหม่ หมายจับเลขที่ จ.147/2556 ลงวันที่ 26 มีค 56 ข้อหาเดียวกับน้องชายยังคงหลบหนีอยู่

พ.ต.อ.ดุลเดชา  อาชวะสมิตระกูล ผกก.สภ.ภูพงค์เชียงใหม่ เปิดเผยว่า  ผู้ต้องหาทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน มีอาชีพเปิดร้านตัดผม และจะทำการเช่ารถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าอัสติสสีดำ จากร้านรถเช่า ในตัวเมืองเชียงใหม่แล้วตระเวนออกชิงทรัพย์ลักทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยกระทำการในท้องที่ สภ.ภูพิงค์ถึง 3 ครั้ง ท้องที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ 1 ครั้ง ท้องที่ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่  1 ครั้ง เข้าไปลักทรัพย์ในหอพัก เคยติดคุกมาแล้วทั้งสองคนในคดีชิงทรัพย์และ คดียาเสพติด พ้นโทษออกมาก่อมาก่อคดีอีก โดยคนร้ายได้เข้าไปชิงทรัพย์และลักทรัพย์ในบ้านพักและตามหอพักต่าง ๆ รวมทั้งมีพฤติกรรมโรคจิต โดยเมื่อเข้าไปในบ้านพักหรือห้องพักของเหยี่อได้แล้วก็จะไปกินอาหารในตู้เย็นของเหยื่อและนอนเล่นโดยไม่เกรงกลัวว่าเจ้าของที่พักจะกลับมา  บางครั้งนายแบงก์ ผู้ต้องหาผู้น้องก็จะขโมยภาพถ่ายของผู้เสียหายที่เป็นผู้หญิงไป บางครั้งก็จะทำการสำเร็จความใคร่ โดยการนำภาพของผู้เสียหายมาตั้งไว้และกระทำการสำเร็จความใคร่ ทิ้งร่องรอยไว้เต็มห้องและจะรื้อค้นข้าวของในห้องทำลายเสื้อผ้าของเหยื่อ กระจัดกระจายไปทั่วห้อง

และคดีล่าสุดที่คนร้ายทั้งสองก่อเตหุคือ วันที่ 24 มีค 56 เวลาประมาณ 16.00 น.สองพี่น้องได้ใช้อาวุธปืนเข้าไปชิงทรัพย์ นายกฤตภาส หอเจริญ โดยคนร้ายได้เข้าไปในห้องพักของผู้เสียหาย  ที่หอพักอาร์เค เลขที่ 65/15 หมู่ 14 ต.สุเทพ อ.เมืองเชียงใหม่ คนร้ายกำลังเอาทรัพย์สินอยู่นั้น   จังหวะ มีเจ้าของหอพักคือ นายรักเกียรติ วานิชพิพัฒน์ อดีตนายอำเภอบ้านธิ จ.ลำพูน มาประสบเหตุคนร้ายกำลังก่อเหตุชิงทรัพย์ผู้ที่พักในหอพัก พอดี จึงได้ตระโกนให้แจ้งตำรวจ คนร้ายได้คว้าเอาทรัพย์สิน คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก  เงินสด 7,700 บาท สมุดบัญชีธนาคารต่าง ๆ รวมประมาณ 36,579 บาท คนร้ายตกใจและได้ยิงปืนสวนออกมาทันที จากนั้นคนร้ายก็ได้วิ่งออกมาและยังได้ใช้อาวุธปืนยิงสกัดไม่ให้เจ้าของหอพักและผู้เสียหายติดตามด้วย และขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าอัสติสสีดำไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนหลบหนีไป คนร้ายสวมหมวกกันน๊อคปกปิดใบหน้าทั้งสองคน

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบจุดที่รถยนต์คนร้ายจอดในตอนแรก ก็พบสลิปร้านเซ่เว่นฯ ตกอยู่จุดที่รถยนต์คนร้ายจอด จึงได้ทำการตรวจสอบพบว่าเป็นเซ่เว่น ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.คันคลองชลประทาน จึงได้ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ร้านเซ่เว่น ดังกล่า วก็พบว่ามีชายลักษณะตรงกับคนร้าย คือนายธนาคาร เข้ามาเติมเงินโทรศัพท์ออนไลน์ ทางตำรวจจึงได้ทำการตรวจสอบและประสานงานกับตำรวจท้องที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ ก็ทราบว่าคนร้ายคือนายธนาคาร และผู้ต้องหารายนี้เคยถูกจับกุมมาก่อนหน้านั้นคดีชิงทรัพย์และพ้นโทษออกมาแล้ว ทางตำรวจจึงได้เข้าทำการจับกุมตัวได้ดังกล่าว โดยนายธนาคาร ถูกจับได้ ส่วน นายธีรศักดิ์ พี่ชาย หลบหนีไปได้ พร้อมอาวุธปืน ทางตำรวจกำลังเร่งล่าตัวอยู่ในขณะนี้

นายธนาคาร รับสารภาพว่า ได้ร่วมกับพี่ชายทำการก่อเหตุชิงทรัพย์ตามบ้านจัดสรร หรือที่หอพักต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ โดยเช่ารถยนต์เก๋งออกตระเวนไปทั่ว กระทั่งมาถูกจับกุมตัวได้ดังกล่าว  ส่วนคนที่ใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้เสียหายนั้น คือพี่ชายของตนเอง ตนไม่ได้ยิงแต่อย่างใด ส่วนที่เอาอาหารของผู้เสียหายกินในที่ก่อเหตุนั้น เพราะต้องการอยากทำอะไรก็ได้ ตามใจที่ต้องการ เพราะมีอาวุธปืนและได้ทำการอำพรางปกปิดใบหน้าไว้อย่างดี เชื่อว่าผู้เสียหายจำหน้าไม่ได้และกลัวอาวุธปืน จึงได้กระทำอย่างอุกอาจ