นรกภูมิ
คือสถานที่จองจำผู้ที่กระทำบาปสถานหนัก ต้องชดใช้บาปจากเมื่อครั้งเป็นมนุษย์ โดยอาศัยร่างที่เป็นกายหยาบรับโทษ เช่น ถูกเลื่อยกาย ถูกหั่นร่างเป็นชิ้น ๆ ถูกไฟครอก ถูกตำด้วยสาก ถูกโยนใส่กระทะน้ำเดือด ปีนต้นงิ้ว เป็นต้น
มนุษย์เมื่อตายไป มิใช่ว่าจะถูกยมทูตพาไปพบพระยายมราช เพื่อตัดสิน ไต่ถามก่อนการรับโทษในนรกทุกคนไป เป็นเฉพาะบางคนบางพวกเท่านั้น คือ
โดยปกติแล้วคนเราในโลกที่เห็นกันอยู่นี้ มีนิสัย จิตใจ และความประพฤติดีเลว แตกต่างกันออกไป พอจะแบ่งออกได้เป็น ๔ ประเภท คือ
พวกที่ ๑ ชอบใจในการบำเพ็ญกุศลมาก
พวกที่ ๒ ชอบทั้งกุศลและอกุศลปนกันไป ไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
พวกที่ ๓ ชอบทางอกุศลมากกว่ากุศล
พวกที่ ๔ ชอบแต่ทางอกุศลฝ่ายเดียว
เมื่อจิตใจมนุษย์ต่างระดับกันดังนี้ เมื่อถึงเวลาตาย ความเป็นไปย่อมแตกต่างกัน
พวกที่ ๑ ขณะใกล้ตาย ย่อมระลึกนึกถึงเรื่องที่เป็นบุญ เป็นกุศล ที่ตนได้เคยประกอบเอาไว้ได้มาก บุคคลเหล่านี้ตายแล้วย่อมไปสู่สุคติภูมิ
พวกที่ ๒ บุคคลพวกนี้ยามใกล้ตาย ถ้าตนเองได้พยายามระลึกนึกถึงบุญกุศลให้มากเข้าไว้ หรือมีผู้อยู่ใกล้คอยช่วยเตือนสติให้ระลึกถึงกุศลกรรมนั้น บุคคลเหล่านี้ก็จะสามารถพ้นจากอบายภูมิได้เหมือนกัน เว้นแต่ตนเองไม่พยายามนึก อีกทั้งไม่มีผู้ใดคอยช่วยเตือนให้นึก จิตใจจึงมีแต่ความกลุ้มใจ เสียใจ ห่วงใยในทรัพย์สมบัติ ผู้คน หรือเรื่องกังวล อื่น ๆ ตายแล้วย่อมเข้าสู่อบายภูมิ
พวกที่ ๓ พวกนี้มีอกุศลอาจิณกรรม คือบาปที่กระทำสั่งสมอยู่เป็นนิจ มากกว่ากุศล เมื่อใกล้ตาย ลำพังตนเองแล้วไม่มีทางที่จะนึกถึงกุศลกรรมได้ และการที่จะให้คนธรรมดา เช่น ญาติพี่น้องผู้ใกล้ชิด ก็ไม่สามารถช่วยเตือนสติให้ระลึกได้โดยง่าย จะต้องช่วยเหลือกันอย่างแข็งกล้าเป็นพิเศษจริง ๆ จึงพอจะช่วยได้
พวกที่ ๔ พวกนี้ตายแล้วไม่พ้นจากการไปสู่อบายภูมิได้เลย ยกเว้นจะได้รับการช่วยเหลือจากท่านผู้มีบุญบารมีแก่กล้าแท้จริง เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า อัครสาวก มหาสาวกเท่านั้น นอกจากนี้ตนเองยังจะต้องมีกุศลกรรมที่เคยสร้างสมไว้ในชาติก่อน ๆ ที่มีกำลังมากด้วย จึงจะพอพ้นจากอบายภูมิได้
ในบุคคลใกล้ตายทั้ง ๔ ประเภทนี้ พวกที่ ๑ ตายแล้วไปสู่สุคติภูมิ พวกที่ ๔ ไปสู่ทุคติภูมิ โดยทันที ไม่ต้องพบพระยายมราชแต่ประการใด
ส่วนพวกที่ ๒ และ ๓ นั้น ถ้าระลึกถึงกุศลกรรมไม่ได้ จะต้องไปสู่นรก แล้วจะมีโอกาสได้พบพระยายมราชเพื่อทำการไต่ถาม และช่วยตนเองให้พ้นจากนรกอีกครั้ง หากได้สติตอบคำถามของพระยายมราชได้ถูกต้อง
คำถามของพระยายมราช เป็นคำถามเกี่ยวกับเทวทูต ๕ อย่าง คือ
๑. ความเกิด เทวทูตที่เป็นตัวแทนให้เราพบเห็นคือ ทารกแรกเกิด
๒. ความแก่ ได้แก่ คนชรา
๓. ความเจ็บ ได้แก่ ผู้ป่วยไข้
๔. การถูกลงโทษตามกฎหมาย ได้แก่ คนต้องราชทัณฑ์
๕. ความตาย ได้แก่ คนตาย
พระยายมราชจะถามว่า เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ เคยเห็นเทวทูตเหล่านี้บ้างหรือไม่ เมื่อเห็นแล้วเคยนึกอย่างไรบ้างเกี่ยวกับตนเอง
ถ้าบุคคลนั้น ๆ ตอบว่าเคยเห็น และนำมาคิดพิจารณาเทียบเคียงว่าตนเองก็จะต้องมีสภาพเดียวกันนี้ จึงได้พยายามสร้างทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เพื่อจะได้เป็นหนทางพ้นไปจากความทุกข์เหล่านั้น
ในขณะที่ตอบคำถามพระยายมราชอยู่นี้ ถ้าผู้นั้นบังเอิญนึกถึงกุศลที่ตนเคยประกอบเอาไว้ได้ ก็จะพ้นจากการต้องไปตกนรกทันที แต่ถ้าระลึกไม่ได้ คงตอบไปแต่เรื่องยินดีพอใจ สนุกสนานไปตามวิสัยธรรมดาของโลก พระยายมราชจะถามเตือนด้วยเทวทูตอย่างที่ ๒ อย่างที่ ๓ เรื่อยไปตามลำดับ เพื่อช่วยให้พยายามนึกถึงบุญกุศลให้ได้ เมื่อผู้นั้นนึกไม่ได้จริง ๆ พระยายมราชจะช่วยเตือนสติให้อีกครั้งว่าเคยทำกุศลสิ่งใดไว้บ้าง ทั้งนี้ด้วยเหตุที่สมัยบุคคลเหล่านั้นประกอบการกุศลดังกล่าว มักจะแผ่ส่วนกุศลให้พระยายมราชด้วย (ถ้าหากไม่ได้แผ่ส่วนกุศลให้พระยายมราชไว้ พระยายมราชย่อมนึกถึงกุศลของผู้นั้นไม่ออกเช่นเดียวกัน)
เมื่อพระยายมราชเตือนสติ และผู้นั้นระลึกถึงกุศลกรรมของตนขึ้นมาได้ และกล่าวตอบพระยายมราชไป ผู้นั้นย่อมจะพ้นจากนรกได้ ส่วนผู้ที่นึกถึงกุศลกรรมใด ๆ ไม่ออกจริง ๆ แม้พระยายมราชจะถามเตือนด้วยเรื่องเทวทูตจนครบทั้งห้าแล้ว ประกอบทั้งตนไม่เคยอุทิศแผ่ส่วนกุศลใดให้พระยายมราชเลย เป็นเหตุให้พระยายมราชไม่สามารถนึกถึงกุศลกรรมนั้น ๆ นำมาเตือนสติได้ ผู้นั้นก็จำต้องตกลงสู่นรกโดยไม่มีทางหลีกเลี่ยง
สำหรับสัตว์ที่มิได้ประกอบกุศลกรรมไว้บ้างเลยในสมัยเป็นมนุษย์เหล่านี้ เมื่อพระยายมราชหมดหนทางช่วยเหลือ จึงกล่าวว่า
“ท่านไม่ได้กระทำความดี ทางกาย ทางวาจา ทางใจไว้เลย เพราะมัวประมาทมัวเมาเสีย ท่านจำต้องถูกนายนิรยบาลลงโทษ บาปกรรมอันนี้มิใช่ผู้ใดอื่นทำให้ท่านเลย เป็นเพราะท่านทำของท่านไว้เอง จึงต้องรับโทษของกรรม”
นรกมีทั้งหมด ๔๕๗ ขุม ได้แก่
มหานรก มี ๘ ขุม
๑. สัญชีวนรก (นรกที่ไม่มีวันตาย)
เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติบังเกิดในนรกขุมนี้ ถึงแม้จะได้รับทุกข์โทษจนตายแล้ว ก็กลับเป็นขึ้นมาอีก
๒. กาฬสุตตนรก (นรกเส้นด้ายดำ)
เหล่าสัตว์ที่มาเกิดในขุมนรกนี้ จะถูกลงโทษโดยนายนิรยบาล เอาด้ายดำมาตีเป็นเส้นตามร่างกาย แล้วก็เอาเลื่อยมาเลื่อย บางทีก็เอาขวานมาผ่า หรือเอามีดมาเฉือนกรีดตามเส้นดำที่ตีไว้ไม่ให้ผิดรอยได้
๓. สังฆาฏนรก (นรกบดขยี้สัตว์)
เหล่าสัตว์ที่เกิดในนรกขุมนี้ จะถูกภูเขาเหล็กบดขยี้ร่างกายให้ได้รับทุกขเวทนาอยู่ตลอดเวลา
๔. โรรุวนรก (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้)
เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ เป็นสัตว์ที่ได้รับทุกข์โทษแสนสาหัส ต้องร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาอยู่ตลอดเวลา
๕. มหาโรรุวนรก (นรกที่เต็มไปด้วยเสียงร้องครวญครางมากมาย)
เหล่าสัตว์ที่มาอุบัติในนรกขุมนี้ ได้รับทุกข์ทรมานแสนสาหัส ร้องไห้เสียงระงมไปทั่วทั้งนรก
๖. ตาปนรก (นรกที่ทำให้สัตว์เร่าร้อน)
เหล่าสัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อนมีหลาวเหล็กใหญ่โตเท่าต้นตาล โชติช่วงแดงฉานไปด้วยเปลวไฟจำนวนประมาณหลายหมื่นแสนแน่นเต็มนรกไปหมด หลาวเหล็กแต่ละอันมีสัตว์นรกเสียบอยู่บนปลายหลาว มีเปลวไฟพุ่งขึ้นภายใต้หลาวเหล็ก ไหม้เผาผลาญสังหารสัตว์นรกทั้งหลายอยู่ตลอดเวลา เนื้อหนังมังสาของสัตว์นรกทั้งหลายไหม้สุกพองอยู่เหนือปลายหลาวเหล็ก ต้องเสวยทุกข์เวทนาดิ้นพล่านไปมา จนกระทั่งเนื้อหนังสุกพองไปด้วยอำนาจไฟนรก แล้วก็ถูกหมานรกฉีกเนื้อกิน แล้วก็กลับเป็นขึ้นมาตามเดิม วนเวียนอยู่อย่างนี้จนกว่าจะสิ้นกรรม
๗. มหาตาปนรก (นรกที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนเหลือประมาณ)
เหล่าสัตว์ที่อุบัติในนรกขุมนี้ ต้องได้รับทุกข์โทษเร่าร้อนเป็นที่สุด ภายในกำแพงอันกว้างขวางใหญ่โตนั้น มีภูเขาเหล็กลุกเป็นไฟตั้งอยู่เป็นลูก ๆ ตามพื้นข้างภูเขามีขวากเหล็กแหลมคมลุกแดงด้วยไฟ ปักเรียงรายอยู่เหนือพื้น
นายนิรยบาลถืออาวุธหอกดาบแหลนหลาวลุกแดงด้วยไฟไล่ทิ่มแทงสัตว์นรกทั้งหลายให้ขึ้นไปบนภูเขาไฟแดงฉาน สัตว์นรกทั้งหลายตกใจกลัวนายนิรยบาล ก็พากันวิ่งไปบนยอดเขานรก ต่อจากนั้นก็มีลมกรดอันร้อนแรงคมกล้าพัดมาด้วยกำลังลมนรก ทำให้สัตว์พลัดตกลงมาจากยอดเขา ถูกขวากนรกร้อนแรงซึ่งอยู่เบื้องล่าง เสียบร่างกายทะลุเลือดแดงฉาน ทรมานทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดและความรุ่มร้อนแสนสาหัส
๘. อเวจีนรก (นรกที่ปราศจากความบางเบาแห่งทุกข์)
นรกขุมนี้ เป็นนรกขุมใหญ่กว่าบรรดานรกทั้งหลาย ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กที่มีเปลวไฟโชติช่วง
สัตว์ที่ไปเกิดอยู่ในมหานรกอเวจีนี้มีมากกว่านรกขุมอื่น แออัดยัดเยียดเบียดเสียดกัน ได้รับทุกข์ทรมานด้วยการถูกเปลวไฟนรกอันร้อนระอุเผาไหม้อยู่อย่างนั้นตลอดเวลา จนกว่าจะสิ้นกรรม
อุสสุทนรก
เป็นนรกบริวาร ๑๖ ขุม ล้อมรอบนรกขุมใหญ่ทั้ง ๘ ขุม อุทสุทนรกจึงมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด ๑๒๘ ขุม
ยมโลกนรก
เป็นนรกบริวาร ล้อมรอบนรกขุมใหญ่ทั้ง ๘ ขุม โดยอยู่ทิศหน้า ๑๐ ขุม ทิศหลัง ๑๐ ขุม ทิศซ้าย ๑๐ ขุม ทิศขวา ๑๐ ขุม รวม ๔ ทิศ เป็น ๔๐ ขุม ยมโลกนรกทั้งหมดรวมกันจึงมี ๓๒๐ ขุม
โลกันตนรก ๑ ขุม
เป็นนรกขุมใหญ่อยู่นอกจักรวาล มีสภาพมืดมนยิ่งนัก สัตว์ที่ไปเกิดในโลกันตนรกนี้ มีร่างกายใหญ่โต เล็บมือเล็บเท้ายาวยิ่งนัก ต้องใช้เล็บมือเท้าเกาะอยู่ตามชายเชิงจักรวาล ห้อยโหนเหมือนค้างคาวห้อยหัวอยู่บนกิ่งไม้ ได้รับความทุกข์อันแสนสาหัส
สัตว์นรกในนี้เข้าใจว่าตนอยู่เพียงลำพัง เพราะมืดมนจนมองไม่เห็นเพื่อนสัตว์นรกด้วยกัน ตลอดเวลาห้อยโหนโยนตัวเปะปะไปด้วยความหิวโหย เมื่อใดไปโดนสัตว์นรกด้วยกัน ก็เข้าใจว่าเป็นอาหารรีบขวนขวายไขว่คว้าจับกุมกัน ต่างตนต่างก็จะตะครุบกันกินปล้ำฟัดกันจนกระทั่งเผลอปล่อยมือที่เกาะอยู่ เลยพลัดตกลงไปเบื้องล่าง
บริเวณเบื้องล่างในโลกันตนรกนั้นไม่ใช่พื้นธรรมดา แต่เต็มไปด้วยน้ำกรดอันเย็นยะเยือกอย่างร้ายกาจยิ่งนัก ทันทีที่สัตว์นรกตกลงมา ร่างกายก็จะเปื่อยแหลกลงเพราะฤทธิ์น้ำกรดเย็นนั้นกัดเอา ได้รับความเจ็บปวดทุกข์ทรมานจนสิ้นใจตาย แล้วก็กลับเป็นตัวตนขึ้นมาเหมือนเก่า รู้สึกหนาวเย็นจับกระดูกจับขั้วหัวใจ รีบตะเกียกตะกายปีนป่ายขึ้นมาเกาะเชิงเขาจักรวาลด้วยความลำบากยากเข็ญ แล้วก็ห้อยโหนโยนตัวหาอาหารด้วยความหิวโหยต่อไปอีกตามเดิม
เมื่อไขว่คว้าไปเจอสัตว์นรกด้วยกัน ก็จะตะครุบกินกันเอง ต่อสู้จนตกลงบ่อน้ำกรดเบื้องล่าง ถึงแก่ความตาย แล้วก็กลับเป็นขึ้นมาตามเดิม วนเวียนไปมาเช่นนี้ จนกว่าจะสิ้นกรรม
สัตว์นรกทั้งหลายที่ทำกรรมชั่วไว้มาก พอเสวยกรรมในมหานรกแล้ว หากกรรมยังไม่สิ้น ก็ต้องมาเสวยผลกรรมในอุสสุทนรก หากกรรมยังไม่สิ้นอีก ก็ต้องมาเสวยผลกรรมในยมโลกทั้ง ๑๐ ที่แวดล้อมมหานรกนี้อยู่ ตามอำนาจของบาปกรรมที่ตนทำไว้
บางคนตกนรกขุมที่เป็นบริวารก่อน แล้วจึงมาตกมหานรกก็มี สุดแต่ว่ากรรมใดจะให้ผลก่อน บางคนทำบาปกรรมไว้มากต้องตกมหานรกทั้ง ๘ ขุมก็มี
เมื่อสิ้นกรรมในนรกเหล่านี้แล้ว เศษบาปยังให้ผลต้องไปเกิดในอบายภูมิอื่น คือ ต้องไปเกิดเป็นเปรต เป็นอสุรกาย เป็นสัตว์เดรัจฉาน เสวยทุกขเวทนาในสถานที่นั้น ๆ แล้วจึงจะได้มีโอกาสกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ตามเดิม
ถ้าทำบาปกรรมไว้น้อย มาตกนรกได้ไม่นาน กุศลกรรมที่ทำไว้ก็จะบันดาลให้ระลึกถึงบุญกุศลนั้นขึ้นมา ก็จะเปลี่ยนสภาพจากสัตว์นรก ไปอุบัติเป็นภูมิอื่นต่อไป.
....................................................
ภาพตัวอย่างการลงโทษในนรกขุมต่าง ๆ
สะพานนรก
คนที่ก่อกรรมทำบาปหลังจากตายแล้วส่วนใหญ่จะต้องมาเดินผ่านสะพานแห่งนี้
นายนิรยบาลจะตีขับให้ตกลงไปเป็นเหยื่อของฝูงงูพิษที่อยู่ในเหวลึกใต้สะพาน
ขุมนรกควักลูกตา
นายนิรยบาลกำลังทรมานสัตว์นรกจำพวกที่ใช้สายตาดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น กับพวกที่ชอบดูภาพลามก
ขุมนรกห้อยหัวลง
นายนิรยบาลกำลังลงโทษทรมานสัตว์นรกที่ดูถูกให้ร้ายผู้เป็นครูอาจารย์
กับพวกอกตัญญูเนรคุณ และพวกที่ประพฤติผิดศีลธรรมประเพณีความสัมพันธ์ภายในครอบครัว
ขุมนรกน้ำร้อนรวกมือ
นายนิรยบาลกำลังทรมานสัตว์นรกจำพวกนักล้วงกระเป๋า ฉกชิงวิ่งราว ลักขโมย และพวกที่หลอกลวง
ขุมนรกผึ้งพิษ
ฝูงผึ้งพิษกำลังรุมต่อยร่างสัตว์นรกจำพวกที่แอบอ้างชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปหลอกลวง เอาทรัพย์สินเงินทองของผู้บริสุทธิ์
กับพวกที่เบียดบังเอาเงินของศาสนาไปใช้ส่วนตัว และพวกหมอดู ที่หลอกรับจ้างทำพิธีสะเดาะเคราะห์
ขุมนรกตัดเครื่องเพศ ให้หนูกัดแผล
นายนิรยบาลกำลังตัดเครื่องเพศสัตว์นรกจำพวกที่มักมากในกามารมณ์ เช่นพวกอลัชชี กับพวกที่ชอบเป็นชู้ด้วยสามี-ภรรยาผู้อื่น
ขุมนรกอมลูกกระสุนเหล็ก
คนจำพวกที่ใช้กลอุบายหลอกล่อให้ผู้อื่นตกหลุมพรางของตนแล้วบังคับขู่เข็ญเอาสิ่งที่ตนต้องการบ้าง ใช้เล่ห์ลิ้นพูดหว่านล้อมให้คนหลงเชื่อแล้วกระทำอนาจารบ้าง โกหกมดเท็จเพื่อหลอกลวงเอาทรัพย์สินผลประโยชน์บ้าง เมื่อตายไปจะต้องถูกลงโทษทรมานอยู่ในนรกขุมนี้
ขุมนรกสาวไส้
นายนิรยบาลกำลังใช้มีดผ่าอกสาวไส้ร่างสัตว์นรกที่ใช้อำนาจหน้าที่ในราชการกระทำทุจริต
กับพวกที่ปลูกพืชไร่ใส่ยาฆ่าแมลงยังไม่ทันหมดพิษยาก็นำออกจำหน่าย
กับพวกพ่อเล้าแม่เล้า และพวกล้มแชร์ ให้สุนัขกิน
ขุมนรกน้ำมันเดือด
นายนิรยบาลกำลังทรมานสัตว์นรกจำพวกที่เป็นโจรปล้น ตีชิงวิ่งราว ลักขโมย
กับพวกที่ฆ่าคนตายด้วยอาวุธ ยาพิษ
พวกฉ่อราษฎร์บังหลวง พวกประพฤติผิดกามผู้เป็นสายเลือด
พวกอกตัญญูต่อผู้บังเกิดเกล้า
ขุมนรกตัดลิ้นร้อยกราม
นักบวชที่ประพฤติผิดธรรมวินัยทางปาก เช่นกล่าวหาให้ร้ายศาสนาอื่น และเทศนาที่มีความหมายทำนองสองแง่สามง่าม
กับพวกที่กล่าวหาให้ร้ายผู้อื่นโดยมิชอบ ตลอดจนใช้วาจาแช่งด่าหยาบคาย หลังจากตายไปแล้วจะต้องถูกลงโทษทรมานอยู่ในนรกขุมนี้
ขุมนรกบดร่างวิญญาณ
พวกที่อกตัญญู พวกฆ่าทำลายชีวิตคนและสัตว์ กับพวกมักมากในกามารมณ์ คนจำพวกนี้เมื่อจบชีวิตลงนอกจากต้องถูกลงโทษทรมานตามผลกรรมอย่างหนักแล้ว สุดท้ายยังต้องถูกนำตัวมาบดอัดจนร่างแหลกละเอียด
ขุมนรกตัดท่อนแขนขา
พวกที่ทำมาหาเลี้ยงชีพไม่สุจริตและฉวยโอกาสหวังรวยทางลัด
พวกลักขโมยฉกชิงวิ่งราวปล้นฆ่า
และพวกที่ใช้กำลังทุบตีพ่อแม่ผู้มีพระคุณ
คนจำพวกนี้หลังจากตายไปแล้วจะต้องถูกลงโทษทรมานอยู่ในนรกขุมนี้
ขุมนรกน้ำมันกระเดนใส่ร่าง
พวกเขียนหนังสือกับถ่ายภาพลามก และพวกที่ปรุงยาปลุกอารมณ์ทางเพศ พวกโรงพิมพ์ตลอดจนผู้ขาย คนพวกนี้เป็นภัยต่อสังคมเป็นอย่างยิ่ง ก่อความมัวหมองทางด้านจิตใจให้แก่ชาวโลกโดยมิชอบ หลังจากตายไปแล้วจะต้องถูกลงโทษทรมานอยู่ในนรกขุมนี้
ขุมนรกประหารใจ
เป็นขุมนรกประหารใจสัตว์นรกจำพวก ใจอิจฉาริษยา ใจอธรรมลำเอียง ใจโหด อำมหิต ใจที่มีแต่เคียดแค้นพยาบาท ใจที่เห็นแก่ตัว และจงเกลียดจงชังผู้อื่น ใจที่ไม่รู้จักกตัญญูรู้คุณ ใจที่วิปริตหมกมุ่นแต่กามารมณ์
ขุมนรกกรอกยาพิษ
พวกนักค้ายาปลอมและสิ่งเสพติด ในที่สุดก็จบลงดังภาพนี้
ขุมนรกตัดลอกถลกหนัง
สำหรับคนที่ไม่มีความละอายต่อการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรมของตน หลังจากตายไปแล้วจะถูกนายนิรยบาลลงโทษทรมานด้วยการตัดลอกถลกหนังหน้าออกดังภาพ
งูพิษเจาะร่างวิญญาณ
ชาวโลกที่ชอบเจาะหาช่องว่างของกฎหมายเพื่อกระทำความทุจริต กับพวกรับจ้างฆ่าคนอย่างเลือดเย็น พวกปากหวานใจเฉือดคอ คอยยุแหย่ให้คนหลงผิดฆ่าทำลายกัน และพวกรับเหมาที่เจตนาลดวัสดุ-แรงงานผิดแบบก่อสร้าง
คนจำพวกนี้จิตใจชั่วช้าเลวทรามยิ่งอสรพิษ คิดเอาเปรียบผู้อื่นโดยไม่นึกถึงอะไร ตายแล้วนอกจากต้องรับกรรมทรมานตามขุมนรกต่าง ๆ แล้ว ท้ายสุดยังต้องถูกลงโทษทรมานในนรกขุมนี้ โดยถูกงูพิษชนิดต่างๆ เจาะร่างวิญญาณ
....................................................
ภาพพระมาลัยเทวะเถระโปรดยมโลก
พระมาลัยเทวะเถระโปรดยมโลก
พระมาลัยโปรดนรกปาณาติบาต
สัตว์นรกในขุมนี้ ถ้าใครเคยฆ่าสัตว์ชนิดใดไว้ ก็จะมีหัวเป็นสัตว์ชนิดนั้น
พระมาลัยโปรดนรกอทินนาทาน
พระมาลัยโปรดนรกกาเมสุมิจฉาจาร
พระมาลัยโปรดนรกมุสาวาท
พระมาลัยโปรดนรกสุราเมรัย