สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองเมกติลา ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ว่า รัฐบาลพม่าส่งทหารออกลาดตระเวนตามท้องถนนในเมืองเมกติลา ภาคกลางของพม่าเมื่อวันเสาร์ หลังจากเกิดความรุนแรงระหว่างชาวพุทธและชาวมุสลิมในพื้นที่ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 20 คน และกระตุ้นให้รัฐบาลต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน โดยรถบรรทุกทหารประมาณ 50 คัน ถูกส่งเข้าไปในเมืองดังกล่าว ซึ่งทั้งบ้านเรือนประชาชนและมัสยิดหลายแห่ง ถูกม็อบที่มีมีดและท่อนไม้เป็นอาวุธ บุกเผาวอดในช่วง 3 วันที่เกิดเหตุจลาจลในชุมชน
การปะทะกันครั้งนี้ ถือเป็นสัญญาณล่าสุดของความตึงเครียดที่กำลังเลวร้ายลงระหว่างชาวมุสลิมและชาวพุทธ จนกลายเป็นก้างชิ้นใหญ่ท้าทายความสามารถของรัฐบาลพลเรือนในการจัดการปัญหา ขณะที่รัฐบาลพม่ากำลังรีบเร่งเดินหน้าปฏิรูปประเทศ หลังจากตกอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารมานานหลายสิบปี ทั้งนี้ ความรุนแรงในเมืองเมกติลา ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตอนเหนือของเมืองเนย์ปิดอว์ ประมาณ 130 กิโลเมตร เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากเกิดเหตุแค่ทะเลาะวิวาทในร้านขายทองแห่งหนึ่ง แต่กลับลุกลามใหญ่โตกลายเป็นนองเลือด มัสยิดถูกเผาเหลือแต่เถ้าถ่าน ส่วนพวกแก๊งอันธพาลวัยรุ่น ซึ่งรวมทั้งพระสงฆ์ ก็ยังออกเที่ยวเตร็ดเตร่อยู่ตามท้องถนน
สนามกีฬาของเมืองกลายเป็นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับชาวมุสลิมท้องถิ่นอย่างน้อย 1,000 คน จากรายงานของผู้สื่อข่าวที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
คะยอว์ คะยอว์ ผู้นำมุสลิมวัย 27 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองแห่งนี้ตั้งแต่อยู่ในวัยเด็ก กล่าวว่า มีพระสงฆ์บางรูปและชาวบ้านช่วยพวกเขาหลบหนี โดยที่เราไม่อาจเก็บสิ่งของมีค่าใด ๆ ออกมาจากบ้านได้เลย เราต้องวิ่งหนีเพื่อเอาตัวรอด จนป่านนี้ เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าอะไรอยู่เบื้องหลังความรุนแรงที่เกิดขึ้นกะทันหันอย่างนี้ เราก็เป็นคนเหมือนกัน เราก็อาศัยอยู่กับชาวพุทธมานานหลายปี ผมเสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น
เมืองเมกติลา ยังคงอยู่ในภาวะตึงเครียดเมื่อวันเสาร์ แม้ว่าจะไม่มีการปะทะกันครั้งใหม่เมื่อคืนที่ผ่านมา ด้านทำเนียบประธานาธิบดี แถลงว่า การประกาศใช้ภาวะฉุกเฉินจะทำให้ทหารสามารถช่วยให้สถานการณ์กลับคืนสู่ความสงบอีกครั้ง ส่วนสหประชาชาติ หรือยูเอ็น สหรัฐ อังกฤษ และกลุ่มสิทธิมนุษยชนต่าง ๆ ก็เรียกร้องให้อยู่ในความสงบและเจรจากันระหว่างชุมชนท่ามกลางความหวาดกลัวว่า ความรุนแรงจะบานปลาย