พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์  อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี ที่กำหนดให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีจากเหตุการณ์การชุมนุมทาการเมืองตั้งแต่ปี 2548-2553 เข้าขอรับความช่วยเหลือเยียวยาด้านการเงินตามหลักมนุษยธรรม กรมคุ้มครองสิทธิฯ จึงขอให้ผู้ที่ถูกดำเนินคดีหรือถูกคุมขังในคดีเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง ซึ่งต่อมาอัยการสั่งไม่ฟ้องคดีหรือศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้อง ให้มายื่นคำร้องเพื่อรับสิทธิเยียวยาทางการเงิน ทั้งด้านการจำกัดเสรีภาพและจิตใจ โดยจะได้รับเงินเยียวยาจากการถูกคุมขัง วันละ 411บาท

ซึ่งกรมคุ้มครองสิทธิฯ กำหนดหลักเกณฑ์ไว้อย่างละเอียด ดังนี้  คือ 1 เหตุการณ์การชุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 2. เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 2549 3. เหตุการณ์การชุมนุมต่อต้านการรัฐประหารของกลุ่มนปช. 4. การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช 5. การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 6. การชุมนุมของกลุ่มนปช.เดือนเม.ย. 52 และ 7. เหตุการณ์การชุมนุมของนปช.ระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค. 53

นอกจากการเยียวยา การถูกจำกัดเสรีภาพแล้ว มติครม.ยังมีผลให้จ่ายเยียวยาความสูญเสียทางด้านจิตใจด้วย  หากเป็นคดีที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง หรือศาลมีคำสั่งถึงที่สุดให้ยกฟ้อง หากถูกคุมขัง 90  วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน ให้ได้รับเงินเยียวยา 750,000 บาท หากถูกคุมขังมากกว่า 180 วันขึ้นไป จะได้รับเงินเยียวยา 1.5 ล้านบาท  และหากเป็นคดีที่ศาลมีคำสั่งลงโทษจำคุก แต่จำเลยถูกคุมขังเกินกว่าระยะเวลาที่สั่งจำคุก ก็ให้มีสิทธิรับเงินเยียวยา ดังนี้

หากถูกคุมขังเกินเวลาเกินกว่า 90 วัน แต่ไม่เกิน 180 วัน ให้จ่ายเยียวยา 500,000 บาท  หากถูกคุมขังเกินเวลาเกินกว่า 180 วัน ให้จ่ายเยียวยา 1 ล้านบาท  ขณะนี้มีผู้มายื่นเรื่องในส่วนกลางแล้ว  50 ราย จากจำนวน 363 ราย  ซึ่งคณะกรรมการพิจารณาจ่ายเงิน ชุดดังกล่าวจะประชุมครั้งแรกในวันที่ 28 มี.ค.นี้  โดยครม.อนุมัติวงเงินในการจ่ายเยียวยามาแล้วกว่า 290 ล้านบาท

“เงินงบประมาณจำนวนดังกล่าว ให้ความช่วยเหลือในกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมือง ทั้ง นปช.ทั้ง พันธมิตร กรมคุ้มครองสิทธิฯไม่ได้เลือกช่วยเหลือเฉพาะสีใดสีหนึ่ง ซึ่งเงินเยียวยาล็อตแรกจะจ่ายได้ภายในเดือนเม.ย.นี้ ” พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าว

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า อัตราการจ่ายเงินเยียวยาเป็นกรณีพิเศษตามมติครม.นี้ มีการคำนวณความเสียหายจากการติดคุกวันละ 411 บาท โดยอ้างว่าคำนวณตามรายได้เฉลี่ยประจำต่อคนต่อเดือน ตามสถิติรายได้ประชาชาติของประเทศไทยในปี 2553 (150,177 บาทต่อปี)  ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่ารายได้ขั้นต่อวัน 300 บาท ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้ทั่วประเทศในปี 2556 และยังเป็นอัตราที่สูงกว่าเงินเยียวยาตามพ.ร.บ.การช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหาย และจำเลยในคดีอาญา ที่กำหนดให้จ่ายเยียวยาให้กับแพะที่ติดคุกฟรี เพียงวันละ 200 บาท 

ค่ารักษาพยาบาลเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจเท่าที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท ค่าขาดประโยชน์จากการทำมาหาได้ระหว่างถูกคุมขังวันละ 200 บาท หรือในกรณีที่จำเลยเสียชีวิตอันเป็นผลโดยตรงจากการถูกดำเนินคดี กำหนดให้จ่ายเงินค่าทดแทน 100,000 บาท ค่าจัดการศพ 20,000 บาท ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดูไม่เกิน 30,000 บาท และค่าเสียหายอื่นๆไม่เกิน 30,000 บาท

ข้อมูลโดย : www.talkystory.com