แม้ เรื่องที่เขาคุยที่เขาบอกให้ฟังจะไม่ตรงกับความสนใจของคุณความคิดเห็นของเขา จะไม่ถูกใจคุณแต่ก็ไม่ควรทำเหมือนกับว่าคุณฟังแบบหูซ้ายทะลุหูขวา ไม่นำพา ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คน ทุกคนย่อมต้องการมีตัวตน ต้องการให้มีคนตั้งใจและเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองพูด และเมื่อเขารู้สึกว่าทนกับจุดนี้ไม่ได้ สุดท้ายเขาก็อยากได้ใครสักคนที่พร้อมจะฟังเขามากกว่าคุณ
นึก ถึงยามที่คุณควงแฟนออกไปเที่ยวปาร์ตี้กับกลุ่มเพื่อนสาว เมื่อผู้หญิงได้เจอเพื่อนก็มีเรื่องเม้าท์กันมากมาย และแน่นอนว่าประเด็นหนึ่งย่อมหนีไม่พ้นเรื่องแฟนหนุ่มนั่นเอง หากคุณปล่อยให้เพื่อนสาวของคุณวิพากษ์วิจารณ์แฟนตัวเอง โดยที่คุณก็ผสมโรงรู้สึกสนุกไปกับการ "เผา" แฟนตัวเองด้วย ใจคุณอาจจะคิดว่าไม่เห็นเป็นไรเลย แต่ผู้ชายเขาไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกัน เจอเข้าบ่อย ๆ ก็เหนื่อยหน่าย และความอดทนสิ้นสุดลงได้
การจะคบกันได้ดีคนทั้งสองก็ต้องมีวุฒิภาวะและความเป็นผู้ใหญ่อยู่พอตัว เรื่องบางอย่างเขาก็อยากให้เป็นเรื่องของ "เราสองคน" หรือ เป็นเรื่องที่รับรู้กันอยู่แค่คุณกับเขาจริง ๆ เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีก็ตาม การที่คุณเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ให้คนในครอบครัวรับรู้หมด โดย เฉพาะเรื่องเกี่ยวกับการโต้เถียงขัดใจ ความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งมักเกิดขึ้นได้กับคนที่อยู่ด้วยกัน มันยิ่งทำให้เขาอึดอัดใจที่จะคบกับคุณต่อไป
คน รักกันไม่ได้หมายความว่าต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ให้แต่ละคนได้มีเวลาอยู่คนเดียวบ้าง มีเวลาเป็นของตัวเองบ้าง นั่นต่างหากที่จะยิ่งทำให้เวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมีค่าและมีความหมายมากยิ่ง ขึ้น หาก คุณชอบตามติดเขาแจ ขอประกบไปทุกที่ที่เขาไป หรือต้องให้เขาไปกับคุณทุกที่ที่คุณไป ต่อให้รักแค่ไหนมันก็ต้องมีบางเวลาที่เขารู้สึกอึดอัดบ้าง คบกันอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ดูท่าจะไม่เวิร์กเสียแล้ว
เมื่อคบกันแล้วฐานะของเขาคือ "คนรัก" ไม่ใช่ "นักโทษ" หรือ "ผู้ต้องหา" ที่คุณต้องตรวจสอบคัดกรองเอาความจริงออกมาจากทุกๆ ครั้งที่เขาบอกว่าจะไปทำอะไร กับใคร ที่ไหน ผู้ชายเบื่อที่จะต้องถูกซักถาม และถูกปฏิบัติด้วยความไม่เชื่อใจอยู่ตลอดเวลา
เมื่อ ได้คบกับใคร ฝ่ายชายจะรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นฝ่ายปกป้องและคุ้มครองผู้หญิงอยู่เสมอ แต่หากเผอิญไปคบกับสาวเก่งที่แกร่ง และทำอะไรทุกๆ อย่างได้ด้วยตัวเองทั้งหมด เขาคงรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่านัก แบบนี้แม้จะไม่หมดรักแต่ก็อาจจะทนอยู่ด้วยกันต่อไปไม่ได้เหมือนกัน
ตรง กันข้ามกับข้อที่เพิ่งกล่าวมา คราวนี้กลับกลายเป็นว่าคุณพึ่งพาเขามากเกินไป เรียกได้ว่าทำอะไรด้วยตัวเองไม่เป็นหรือไม่ยอมทำอะไรเลยถ้าไม่มีเขาต้องการให้มีคนดูแลตลอดเวลา แบบนี้ก็น่าอึดอัดเหมือนกัน ทำให้เขารู้สึกมีภาระที่ต้องรับผิดชอบอยู่ตลอดเวลา
แม้ อาจไม่ได้ตั้งใจทำให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจ แค่อยากจะประชดประชันบ้าง เผื่อจะชี้ให้เขาเห็นว่าคุณอยากให้เขาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่าง แต่เรื่องแบบนี้พูดกันตรงๆ สื่อความหมายให้รู้กันไปชัดๆ เลยน่าจะดีกว่า หากอาศัยพูดจาประชด อย่าง "ไม่พอใจก็ไม่ต้องทำนะ" หรือ "คนอื่นเขาทำกัน ไม่เคยเห็นคุณจะเอาอย่างบ้าง" แบบนี้ ถึงคุณคิดว่ามันจะกลายเป็นแรงขับดัน แต่สำหรับผู้ชายมันเป็นคำพูดสบประมาทที่ทำร้ายจิตใจมากทีเดียว โดนบ่อยๆ เข้าแล้วใครเขาจะอยากทน
เรา ทุกคนต่างต้องเคยทำเรื่องผิดพลาดกันมาแล้วทั้งนั้น คุณอาจไม่ใช่คนแรกของกันและกัน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรหากเอาแต่พูดถึงเรื่องของอดีต คนเก่าฉันเป็นอย่างนั้น คุณเป็นอย่างนี้ ฉันทำให้คุณแบบนั้น แฟนเก่าคุณทำให้ยังไง ฯลฯ ยิ่งคุยก็เหมือนยิ่งฉุดให้ความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองถอยหลังลงคลองมากขึ้นไปทุกที เหมือนจมติดกับการย้อนไปในอดีต และทำให้เขารู้สึกทนไม่ได้
เขา ก็มีกลุ่มเพื่อนของเขา มีสังคมของเขา ซึ่งอาจเป็นอย่างนี้มาเนิ่นนานตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมาเจอคุณด้วยซ้ำ คุณเองไม่ผิดหากรู้สึกไม่ชอบเพื่อนของเขา แต่มันจะผิดหากคุณทำตัวไม่ดี หรือพูดจาในแง่ไม่ดีถึงเพื่อนของเขา เงียบๆ ไปแล้วต่างคนต่างอยู่ดีกว่า หากว่าออกตัวแรงแล้วให้ฝ่ายชายต้องเลือกระหว่าง คุณ หรือ เพื่อน บางทีคำตอบอาจไม่ออกมาอย่างที่คุณหวังก็ได้