เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
กรมสรรพสามิต เผย มีผู้ขอสละสิทธิ์โครงการรถคันแรกกว่า 2,000 คน เหตุผิดเงื่อนไข-ผ่อนไม่ไหว เตรียมทวงคืนผู้ที่ได้เงินคืนภาษีแล้ว ชี้ผิดชำระหนี้ต้องจ่ายภาษีเข้าหลวง 15% ต่อปี
เมื่อวานนี้ (17 มีนาคม) รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิต เผยว่า ในระบบติดตามการดำเนินโครงการคืนเงินรถยนต์คันแรก พบว่า มีผู้ใช้สิทธิซื้อรถยนต์ในโครงการ แจ้งขอสละสิทธิ์การเข้าโครงการแล้วกว่า 2,000 คน จากหลายสาเหตุ ทั้งผิดเงื่อนไขตั้งแต่แรก เช่น อายุไม่ถึง 21 ปี ไม่ใช่รถคันแรกจริง ซื้อก่อนเริ่มโครงการ หรือกรณีไม่ทำตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด เช่น ถือครองไม่ครบ 5 ปี เพราะบางคนซื้อมาไม่ถึงปีก็จะขายรถต่อ
นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ใช้สิทธิ์จำนวนมากไม่สามารถส่งค่างวดที่ต้องผ่อนส่งรายเดือนกับ บริษัทเช่าซื้อหรือลิสซิ่งได้ ทำให้ถูกยึดรถ รวมถึงกรณีเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต ซึ่งกรณีนี้หากได้รับเงินคืนแล้วก็จะไม่ติดตามทวงคืนจากครอบครัวเจ้าของรถ
หลังจากนี้ คงต้องตรวจสอบด้วยว่า ในจำนวนผู้สละสิทธิ์มีผู้ถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี และได้รับเงินคืนไม่เกิน 100,000 บาทไปแล้วหรือไม่ หากรับแล้วไม่นำเงินมาคืน เจ้าหน้าที่จะนำเรื่องเข้าสู่กระบวนการติดตามทวงเงินคืนต่อไป แต่ที่ผ่านมาได้มีผู้นำเงินมาคืนแล้วบางส่วน และบางคนขอผ่อนจ่าย เพราะใช้เงินหมดไปแล้ว กรณีนี้กรมสรรพสามิตต้องทำเรื่องเสนอไปยังกรมบัญชีกลางให้พิจารณาในฐานะผู้ ติดตามเงินภาษีคืนให้แผ่นดิน
สำหรับวิธีการติดตามทวงเงินคืนนั้น กรมสรรพสามิตจะทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าของรถให้นำเงินมาคืนภายใน 15 วัน นับจากที่ได้รับหนังสือ หากยังเงียบเฉยจะออกหนังสือเตือนไปอีกครั้งและให้เวลาอีก 15 วัน รวมเป็น 30 วัน ที่ต้องนำเงินมาจ่ายคืน ซึ่งการออกหนังสือเตือนหมายความว่า เจ้าของรถผิดนัดชำระหนี้แล้วต้องจ่ายดอกเบี้ยให้หลวงอีก 15 เปอร์เซ็นต์ต่อปี โดยคำนวณเฉลี่ยเป็นวันจนถึงวันที่จ่ายเงินคืนครบตามจำนวน
แต่หากยังนิ่งเฉย กรมสรรพสามิตก็จะส่งเรื่องไปให้กรมบัญชีกลางดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนยอดการคืนเงินภาษีให้ผู้ถือครองรถยนต์ครบ 1 ปี ตั้งแต่เริ่มโครงการจนถึงปัจจุบันมีการคืนเงินไปแล้วจำนวน 58,300 ราย จากจำนวนผู้เข้าโครงการทั้งสิ้น 1.25 ล้านราย และคืนเงินภาษีไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น 4,231 ล้านบาท จากวงเงินงบประมาณที่ตั้งไว้ปีนี้กว่า 7,000 ล้านบาท
ด้าน นายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมฯ มีหน้าที่จ่ายเงินคืนภาษีเข้าบัญชีให้ผู้มีสิทธิเป็นรายเดือนเท่านั้น ไม่มีเจ้าหน้าที่คอยติดตามเรียกเงินคืนจากผู้ที่ได้เงินไปแล้ว โดยกรมสรรพสามิตจะเป็นผู้ดำเนินการติดตามหนี้ แต่หากเจ้าของรถนิ่งเฉยก็จะมีการส่งเรื่องมาให้กรมบัญชีกลางส่งเรื่องต่อ เพื่อให้อัยการดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ส่วนการคืนเงินภาษีในปีงบประมาณ 2556 ที่ตั้งงบประมาณไว้ 7,000 ล้านบาท และอาจไม่เพียงพอนั้น อาจจะไม่ใช้เงินจากงบกลาง แต่กำลังพิจารณาหาเงินจากส่วนอื่นเพื่อมาคืนให้ผู้มีสิทธิในโครงการ หลังจากนั้นจะตั้งงบปี 2557 มาชดเชยต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก