แพทย์ไทยสุดเจ๋งรักษา เอดส์ หายขาด
ภายหลังการประชุมแพทย์และนักวิจัยเกี่ยวกับโรคเอดส์และโรคติดเชื้อฉวยโอกาสระดับโลก หรือ "CROI 2013" (The Conference on Retroviruses and Opportunistic Infections) ณ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3-6 มีนาคม ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า นักวิจัยจากประเทศไทยได้เผยแพร่ผลงานสร้างความฮือฮาให้แก่สมาชิกในที่ประชุมเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นงานวิจัยเกี่ยวกับการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรกให้มีโอกาสหายขาดได้
ศ.นพ.ประพันธ์ ภานุภาค ผอ.ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ให้ข้อมูลว่า การประชุมครั้งนี้มีการเสนองานวิจัยใหม่ๆ จากทั่วโลก แต่ที่ได้รับความสนใจมีผู้สอบถามข้อมูลมากสุด คือ งานวิจัยของแพทย์หญิงไทยเกี่ยวกับการทดลองกับอาสาสมัครของคลินิกนิรนาม ที่มาตรวจเชื้อเอชไอวีแล้วพบในระยะเริ่มแรกไม่เกิน 1 อาทิตย์ หลังจากรับเชื้อแล้วให้กินยาสูตรเบื้องต้นทันที หลังเฝ้าติดตามผลปรากฏว่าแทบจะไม่พบเชื้อหลงเหลืออยู่ในร่างกายหรือพบบางส่วนที่น้อยมาก ทำให้แพทย์ทั่วโลกอยากได้ข้อมูลเรื่องนี้เพิ่มเติม ถือเป็นงานวิจัยเรื่องเอดส์ของไทยที่มีชื่อเสียงในระดับโลก หากในอนาคตสามารถยืนยันการรักษาเอดส์ได้หายขาดจริง ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่
"เงื่อนไขสำคัญคือ คนที่จะรักษาหายได้ หมายถึงต้องเริ่มกินยาตั้งแต่ติดเชื้อมาใหม่ๆ เพราะเชื้อเอชไอวียังไม่แพร่กระจายออกไป แต่ก่อนแพทย์มีความเชื่อว่าต้องให้ภูมิคุ้มกันลดลง จึงจะให้เริ่มกินยา แต่งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า หากผู้ใดสงสัยว่าไปมีเซ็กส์เสี่ยงหรืออาจได้รับเชื้อเอดส์เข้าร่างกายด้วยวิธีใดๆ ก็ตาม ให้รีบมาตรวจ ถ้าพบเร็วแล้วให้กินยาทันทีจะมีโอกาสรักษาหายได้มากกว่า คำว่ารักษาหายหมายถึงร่างกายควบคุมไม่ให้เชื้อเอชไอวีทำลายภูมิคุ้มกันในร่างกายได้เองโดยไม่ต้องกินยาทุกวันทั้งชีวิตเหมือนผู้ป่วยเอดส์ทั่วไป แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้หมดสิ้น 100 เปอร์เซ็นต์ อยากขอร้องให้ผู้มีพฤติกรรมเสี่ยงรีบมาตรวจหาเชื้อทันทีที่สงสัยหรือรู้ตัวแล้ว อย่าปล่อยไว้นาน เพราะถ้าติดเชื้อนานจะรักษาหายขาดไม่ได้ ขอให้มาตรวจฟรีได้ที่คลินิกนิรนาม" ศ.นพ.ประพันธ์ แนะนำ
ด้าน รศ.พญ.จินตนาถ อนันต์วรณิชย์ นักวิจัยโรคเอดส์ ศูนย์วิจัยโรคเอดส์สภากาชาดไทย หัวหน้าโครงการวิจัยการรักษาผู้ติดเชื้อเอชไอวีระยะเฉียบพลัน เล่าถึงความเป็นมาว่า ในแต่ละปีมีผู้มาตรวจหาเชื้อเอชไอวีที่คลินิกนิรนามจำนวนมาก โดยใช้วิธีตรวจหาเชื้อในเลือดแบบปกติทั่วไป หรือตรวจแอนติบอดี หรือตรวจหาจากการสร้างภูมิคุ้มกันต่อเชื้อของร่างกาย หมายความว่า ร่างกายต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 2 อาทิตย์ขึ้นไปในการตรวจพบเชื้อไวรัส ทำให้การรักษาเริ่มได้ช้า แต่งานวิจัยนี้ใช้ระบบแน็ต (NAT: Nucleic Acid Amplification Testing) เป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุด ปลอดภัยและแม่นยำ เพราะตรวจจากสารพันธุกรรม เพียงแค่สงสัยว่ารับเชื้อเอดส์มา 5 วันขึ้นไปก็ตรวจพบได้แล้ว ใช้เวลาเพียง 1-2 วัน เมื่อรู้ผลเร็วและรีบกินยาทันทีจะช่วยหยุดการแพร่เชื้อไปอวัยวะอื่นๆ ของร่างกาย
"การวิจัยนี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2552 โชคดีที่อาสาสมัครให้ความร่วมมือเต็มที่ เพราะต้องตัดสินใจเร็วมาก จากวันที่ยืนยันผลแน่ชัดและเริ่มกินยาใช้เวลาไม่เกิน 5 วัน ในปีแรกมีอาสาสมัคร 10 คน ตอนนี้มีอาสาสมัครในงานวิจัย 95 คน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผลปรากฏว่าหลังกินยาต้านเอชไอวีเต็มสูตรทันทีทุกวันก็ไม่พบเชื้อแอบหลบซ่อนในเลือดหรือในเม็ดเลือดขาว อย่างไรก็ตาม ก็มีตรวจพบในบางคน แต่เป็นจำนวนเชื้อที่น้อยมากๆ คาดว่ากินยาต่อเนื่องไม่เกิน 5 ปี ร่างกายอาจควบคุมเชื้อได้เอง ไม่ต้องกินยาทั้งชีวิตอีกต่อไป ตอนนี้คงต้องคอยดูผลที่แน่ชัดจากอาสาสมัครปีแรก หากหยุดกินยาแล้วเชื้อไม่แพร่กระจายก็ถือว่าประสบความสำเร็จ" รศ.พญ.จินตนาถ กล่าว
รศ.พญ.จินตนาถ ยอมรับว่า เป็นงานวิจัยที่ทำได้ยาก เนื่องจากต้องหาคนไข้ให้เร็วและให้กินยาทันที ทำให้นักวิจัยในต่างประเทศทำไม่ค่อยได้ เพราะหลายปัจจัย เช่น ต้องมีจำนวนคนติดเชื้อเอชไอวีมากพอ มีเทคโนโลยีสูง ใช้เจ้าหน้าที่วิจัยจำนวนมาก อาสาสมัครมีส่วนสำคัญที่สุด อาสาสมัครไทยมีจิตอาสาในการเข้าร่วมโครงการ ยิ่งไปกว่านั้น การตรวจหาผู้ติดเชื้อเอชไอวีเริ่มต้นที่ร่างกายยังไม่สร้างแอนติบอดีก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน แม้แต่คลินิกนิรนามมีผู้มาตรวจ 6 หมื่นคน พบว่าติดเชื้อเอชไอวี 5,000 คน แต่เป็นผู้ติดเชื้อเริ่มแรกแค่ไม่ถึง 100 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายรักชาย
เนื่องจากเป็นงานวิจัยที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมาก เงินทุนเริ่มต้นได้มาจากกรมแพทย์ทหารบกสหรัฐ เพื่อให้อาสาสมัครไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายด้านยาและการตรวจหาเชื้ออย่างต่อเนื่อง รศ.พญ.จินตนาถจึงตั้งใจว่าจะเขียนเป็นบทความทางวิชาการเพื่อตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารนานาชาติ เมื่องานวิจัยข้างต้นได้เผยแพร่ออกไปทั่วโลก อาจช่วยให้ขอทุนจากแหล่งวิจัยได้ ซึ่งจะทำให้งานวิจัยสามารถพัฒนาต่อไปได้โดยไม่หยุดชะงัก
นายบริพัตร ดอนมอญ ตัวแทนเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี กล่าวว่า รู้สึกดีใจหากค้นพบวิธีรักษาผู้ติดเชื้อรายใหม่โดยไม่ต้องกินยาตลอดชีวิต กว่าสิบปีแล้วที่ต้องกินยาทุกวัน เช่นเดียวกับผู้ป่วยอีกประมาณ 2 แสนคนทั่วประเทศไทย จึงอยากขอร้องให้รัฐบาลช่วยดูแลเรื่องสูตรยาต้านไวรัสด้วย โดยเฉพาะเรื่องสิทธิบัตรยาไม่ควรทำตามเงื่อนไขของกลุ่มประเทศยุโรปที่เป็นตัวแทนบริษัทยายักษ์ใหญ่
ทั้งนี้ สถิติจากยูเอ็นเอดส์ (UNAIDS) ระบุว่า ปี 2554 พบทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเอชไอวี 34 ล้านคน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 2.5 ล้านคน เฉลี่ยเพิ่มนาทีละ 5 คน ประเทศไทยคาดการณ์ว่า ในปี 2555 มีผู้ติดเชื้อเอดส์ประมาณ 5 แสนราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ปีละ 9,000 คน เฉลี่ยชั่วโมงละ 1 คน และร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ติดเชื้อจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน