นิยามของ Lucid dreaming คือ สถาวะที่คนเรา สามารถที่จะรู้สึกตัว และตระหนักได้ว่าตนเองนั้นอยู่ในความฝัน ในขณะที่ตัวเองฝันอยู่ ทำให้สามารถควบคุมความฝันของตนเองได้ เช่น เมื่อเรากำลังฝันร้าย พบสิงโต ถ้าสามารถควบคุมความฝันได้ ก็จะสามารถเปลี่ยนสิงโตที่ดุร้าย เป็นแมวเชื่องๆ ได้ แล้วก็จะไม่พบกับฝันร้ายอีกต่อไป ทำให้มีสุขภาพจิตที่ดี และนอนเต็มอิ่ม
สำหรับ lucid dreaming นี้ นาย Stepen LaBerge ซึ่งเป็นนักเขียน และนักทดลองชื่อดัง ได้อธิบายไว้สั้นๆ ว่า เป็นสภาวะ "ที่คุณสามารถฝัน ในขณะที่รู้ว่าตัวคุณเองกำลังฝันอยู่" (ฝันในฝัน?)
มีคำถามมากมายเกี่ยวกับ lucid dreaming และก็เกี่ยวกับสภาวะที่เรียกว่า "ความฝัน" ของมนุษย์ LaBerge และคณะ ได้เรียกกลุ่มคนที่ได้พยายามหาวิธีที่จะควบคุมความฝันว่า Oneironauts หรือ ตามภาษากรีกว่า "dream explorers" หรือ ผู้ท่องเที่ยวไปในความฝัน
มีกลุ่มคนหลายกลุ่มที่สนใจเกี่ยวกับเรื่อง lucid dreaming เช่น นักจิตวิทยา, นักเขียน, นักวิทยาศาสตร์, ศิลปิน และ คนทั่วไป แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละกลุ่ม ก็มีนิยาม และมีวิธีการเข้าถึง lucid dream ที่แตกต่างกัน และไม่ค่อยจะเหมือนกันเลย ไม่มีใครเข้าใจชัดเจนถึงกลไลที่จะทำให้เกิด lucid dreaming
ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นศาสตร์ที่ต้องหลักฐานวิทยาศาสตร์เพิ่มเติม และรอการพิสูจน์จากนักวิทยาศาสตร์ในอนาคต การเข้าถึงสภาวะ lucid dreaming สิ่งที่สำคัญ และดูเหมือนจะเป็นประเด็นหลักของการทำ lucid dreaming
ก็คือ การรู้สึกตัว และมีสติอยู่เสมอ เมื่อกำลังหลับอยู่ ถ้าเมื่อไหร่ ที่สามารถจะรู้ตัวเองได้ ในความฝัน ว่านี่แหละฉันกำลังอยู่ในฝัน ฉันฝันไป และสามารถจะเปลี่ยนแปลงควบคุม ความฝันได้ นั่นแหละ
คุณก็กำลังอยู่ในสภาวะ lucid dreaming แล้ว มีคนจำนวนหนึ่งที่ได้อ้างว่า ตัวเองเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับ lucid dreaming มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ในวัยเด็ก" แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว
การจะเข้าสู่สภาวะ lucid dreaming ได้เป็นประจำ แม้ว่าจะมีการฝึกฝนอย่างดี ด้วยเทคนิคต่างๆ นั้น
กลับเป็นเรื่องที่ยาก และก็ไม่ได้แปลว่าจะเกิดขึ้นทุกๆ วัน
แต่ถึงกระนั้น ก็มีทีมวิจัยจากหลากหลายสถาบัน พยายามที่จะพัฒนาเทคนิคที่จะทำให้คนเราสามารถควบคุมความฝันได้
โดยหนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มวิจัยจากมหาวิทยาลัย Standford และ สถาบันวิจัย Lucidity ของนาย LaBerge
ในปัจจุบันไม่มีผลสรุปที่แน่ชัดว่าการฝึกฝน lucid dreaming เป็นประจำ นั้นจะมีผลเสียต่อร่างกาย และจิตใจหรือไม่
นอกจากนั้นก็ไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่า การเข้าถึงสภาวะ lucid dreaming จะทำให้เสียผลประโยชน์ของการฝันธรรมดา ด้วยหรือไม่?
โดยนักจิตวิทยาบางท่าน ได้กล่าวว่า การฝันธรรมดา นั้นจะทำให้เกิดการเข้าใจตัวเอง
(self-understanding) ได้ดีกว่าการทำ lucid dreaming การจดจำความฝันของตนเอง (dream recall)
ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่นักผจญภัยความฝัน (lucid dreamer) หวังว่าจะสามารถทำได้คล่องแคล่ว
เพราะว่าการจดจำความฝันนั้นเอง เป็นจุดเริ่มต้นที่จะเรียนรู้การเข้าถึงสภาวะ lucid dreaming
สิ่งที่นักผจญภัยความฝันทำเป็นประจำนั้นก็คือ การจดความฝันของตัวเองลงในสมุดบันทึก เป็นประจำ ในทันทีหลังจากตื่นขึ้น
ความสามารถในการประสบสภาวะ lucid dreaming นั้น นักวิจัยกล่าวว่าขึ้นกับบุคคลเอง ซึ่งบางคนสามารถมีสภาวะ lucid dreaming ได้ดีกว่าคนอื่นๆการทำสมาธิอย่างสม่ำเสมอ
ก็สามารถจะทำได้เกิดสภาวะ lucid dreaming ได้ง่ายขึ้นเทคนิคเหนี่ยวนำ ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไปเทคนิคที่ใช้โดยทั่วไป
วิธีทดสอบสภาวะความเป็นจริง (Reality Testing) วิธีนี้จะใช้ทดสอบว่ากำลังฝันไปหรือไม่
โดยในความฝัน ผู้ฝันจะพยายามที่จะจดจำ "เวลาในนาฬิกา" หรือ "ข้อความในหนังสือ" ในความฝัน
ซึ่งจากผลการเฝ้าสังเกตนั้น นักผจญภัยความฝันพบว่า "เวลาในนาฬิกา" และ "ข้อความในหนังสือ"
นั้น มักจะเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ซึ่งจะแตกต่างจากความเป็นจริง
ซึ่งถ้าพบว่าดูข้อความในหนังสือเล่มเดียวกัน หรือ ก้มลงดูนาฬิกาในเวลาที่ไม่แตกต่างกัน
แล้วพบว่าข้อความในหนังสือ และหรือ เวลาเปลี่ยนไป ก็ให้รู้ว่าคุณอยู่ในความฝันแล้ว
นอกจากนี้ยังมีการมองภาพของตัวเองในกระจก ซึ่งก็มีการกล่าวอ้างว่า ในความฝันนั้น คุณจะไม่สามารถมองหน้าตัวเองในกระจกได้ชัดเจน เหมือนในความเป็นจริงเลย
วิธีการสังเกตเครื่องหมายแสดงถึงความฝัน (Dream Signs) การทดสอบอีกวิธีหนึ่งก็คือการสังเกต "สัญลักษณ์ความฝัน" เช่น ถ้าคุณพบช้างสีชมพูกำลังเดินพาเหรด หรือกระทั่งคุณกำลังคุยกับสุนัขตัวโปรดอยู่ นั่นแหละ "คุณกำลังฝันไป"
วิธีเทคนิคเหนี่ยวนำ (Mnemonic Induction) วิธีนี้จะใช้ความตั้งใจในการสังเกตเครื่องหมายแสดงถึงความฝัน (dream signs) เวลาที่กำลังใกล้จะหลับ วิธีเหนี่ยวนำโดยการกลับไปนอนใหม่ (Wake Back To Bed Induction technique (WBTB)) วิธีนี้ผู้ฝันจะกลับไปนอนใหม่ หลังจากที่ตื่นขึ้น
โดยจะทำการวิเคราะห์ความฝันที่ได้ฝันในเมื่อครู่เป็นเวลาสัก 1 ชม. แล้วก็กลับไปนอนใหม่ ซึ่งนักผจญภัยความฝันได้กล่าวว่าจะเกิดสภาวะ lucid dreaming ได้ง่ายขึ้น วิธีเหนี่ยวนำด้วยเข้าสู่สภาวะ lucid dreaming ในฉับพลัน (Waking Induction of Lucid Dreaming (WILD)) WILD เป็นวิธีที่ใช้กันมากที่สุด
โดย ผู้ทดสอบจะพยายามเข้าสู่สภาวะ lucid dreaming ทันที โดยการพยายามทำตัวเองให้อยู่ในสภาวะ "hypnagogic" ซึ่งอยู่ในเส้นแบ่งระหว่างการหลับ กับไม่หลับ หรือสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่น
ถ้าผู้ทดสอบสามารถอยู่ในสภาวะดังกล่าวได้ ก็จะสามารถควบคุมความฝันได้ โดยรู้ว่ากำลังอยู่ในความฝันอยู่ โดยนักผจญภัยความฝันกล่าวไว้ว่า มีขั้นตอน 3 ขั้นตอน
ที่จะทำให้อยู่ในสภาวะนี้ได้ นั่นคือผ่อนคลาย (Relax)พยายามทำตัวให้มีสติ (Stay awake)แล้วก็เข้าสู่ความฝัน (Enter your dream)จากการทดสอบพบว่า วิธีนี้จะใช้ดีที่สุดในตอนกลางวัน เพราะตอนกลางคืน ผู้ทดสอบมักจะผลอยหลับไปซะก่อน
สิ่งที่ผู้ผจญภัยความฝันมักจะทำ เมื่ออยู่ในสภาวะ lucid dreaming บิน (flying) นักผจญภัยความฝันทุกคน มักจะฝันว่าตัวเองอยู่ในสภาวะที่ไร้แรงดึงดูด หลายๆ ท่านบอกว่าเขาสามารถบินได้ แล้วก็บินไปอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน บางท่านบินด้วยความเร็วแสง ซึ่ง สามารถแซงชนะ UFO แบบไม่มีความเฉื่อยเปลี่ยนแปลง (transforming) บางท่านพบว่า สามารถจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง สัตว์ หรือสิ่งของ ชนิดหนึ่ง เป็นสัตว์หรือสิ่งของชนิดอื่นๆ ได้ บางท่านฝันว่าตัวเองสามารถมองได้ 360 องศา หรือมีโซน่าแบบค้างคาว เป็นต้นสำหรับ lucid dreaming นั้น ท่านผู้รู้ได้ให้ทรรศนะว่า "การที่จะควบคุมความฝันได้นั้น ผู้ฝันจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกายฝันเสียก่อน จึงจะสามารถควบคุมความฝันได้"
Credit:
Dominic