เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการกสทช. เปิดเผยถึงกรณีเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ไอโฟน 5 ระเบิดหลังจากที่มีการโทรออกไม่ถึง 30 วินาที โดยเบื้องต้นกสทช.ได้ประสานให้บริษัท แอปเปิ้ล เซาท์ เอเชีย (ประเทศไทย) และบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส นำเครื่องไอโฟน5 ของเอไอเอส ที่ระเบิดมาให้กสทช.ตรวจสอบถึงสาเหตุที่แท้จริง โดยเบื้องต้นกสทช.จะดูว่าเครื่องไอโฟน 5 ที่ได้ขออนุญาตนำเข้าอุปกรณ์เครื่องและแบตเตอรี่มาพร้อมกันทั้งหมด หรือมีการนำเข้าแยกส่วนเครื่องกับแบตเตอรี่ แล้วนำมาประกอบภายหลัง
นายฐากรระบุต่อว่า ในขณะเดียวกันหากกสทช.ตรวจพบว่าการระเบิดมาจากตัวเครื่องไอโฟน 5 จะเรียกตรวจสอบบริษัทฯที่นำเข้ามาจำหน่ายมีมาตรฐานเดียวกับมาตรฐานในเอกสารที่ผ่านรับรองของหน่วยงานทดสอบจากประเทศสหรัฐอเมริกาที่นำมายื่นขอตรวจสอบและรับรองเครื่องโทรคมนาคมและอุปกรณ์นำเข้าจากกสทช.หรือไม่ แต่หากสาเหตุเกิดจากแบตเตอรี่และนำเข้ามาแบบแยกส่วนนั้น ต้องตรวจสอบว่าได้รับอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมและได้รับมาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) หรือไม่ มองว่าการนำเข้าไอโฟน 5 คาดว่าผ่านกระบวนการนำเข้ามาอย่างถูกต้อง ซึ่งการขออนุญาตนำเข้าแต่ละล็อตมีการสุ่มตรวจมาตรฐานอุปกรณ์ทุกครั้ง แต่ทั้งนี้ต้องถูกตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง โดยคาดว่าเมื่อมีการนำไอโฟน 5 มาให้กสทช. ตรวจสอบจะใช้ระยะเวลา 3-4 วัน ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ก็ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามขอให้ประชาชนที่เครื่องโทรศัพท์มือถือมีปัญหา หากต้องการให้กสทช.ตรวจสอบว่าตรงตามมาตรฐานหรือไม่ สามารถส่งเครื่องมาให้สำนักงานกสทช.ตรวจสอบได้ หรือแม้กระทั่งหากมีผู้นำไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ขอให้นำส่งมาที่กสทช. เนื่องจากเห็นว่าเป็นปัญหาที่ใกล้ตัวผู้บริโภค