ทักทายสิมิลัน หลังธรรมชาติพักฟื้นคืนความสมบูรณ์

 

 

คิดถึงเธอ…สิมิลัน (Lisa)

           มาสิมิลันคราวนี้ไม่ได้ฉายเดี่ยวนะจ๊ะ แต่มีเพื่อนร่วมทริปหัวใจเดียวกันที่บ่น ๆ อยากมาทักทายทะเลอันดามันที่เกาะสิมิลันร่วมขบวนกันหลายชีวิต หลังจากที่เกาะปิดตัวไปในช่วงมรสุมตั้งแต่กลางปี ธรรมชาติบนเกาะได้พักฟื้นคืนความสมบูรณ์ ถึงตอนนี้ได้เวลาที่สิมิลันจะแต่งสวยออกมาต้อนรับนักเดินทางผู้หลงใหลความสวยของท้องทะเลไทยกันอีกครั้ง

           ตะลุยถ้ำพุงช้าง หลังร่อนถลาลงสู่รันเวย์ที่สนามบินภูเก็ต เราต่อรถมุ่งหน้าข้ามจังหวัดสู่พังงา ร่วมชั่วโมงก็จอดแวะกินมื้อกลางวันเพื่อเติมพลังให้เต็มที่ก่อนออกเดินทางสู่จุดหมายแรก ซึ่งยังไม่ใช่ทะเลอันดามันค่ะ แต่เราจะแวะเที่ยวถ้ำกันก่อน…ถ้ำที่ว่าคือถ้ำพุงช้างที่อยู่ในเขาช้าง ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลังศาลากลางจังหวัดพังงา ใครไปใครมาก็ต้องมองเห็นภูเขาลูกนี้ที่ดูเหมือนช้างกำลังหมอบซะจริง ๆ ก่อนเข้าชมมีการบรรยายและแจกไฟฉายสวมหัว เนื่องจากถ้ำนี้ไม่มีการจัดไลติ้งเหมือนถ้ำอื่นเพราะต้องการรักษาสภาพธรรมชาติเอาไว้





           การเข้าชมถ้ำในช่วงแรกต้องนั่งเรือแคนู แล้วเปลี่ยนมานั่งแพไม้ไผ่เพื่อลอดช่องหินที่แคบมาก ช่วงสุดท้ายต้องเดินลุยน้ำกันไป ในถ้ำมีจุดไฮไลต์ที่ต้องชม ตั้งแต่โครงสร้างหินเป็นหลังคาโค้งสูงกว่า 20 เมตร เหมือนเราเดินเข้าสู่ท้องช้างจริง ๆ มีหินช้างเผือกหน้าตาเหมือนช้างอยู่ใต้เศวตฉัตร หินเจดีย์ช้างเผือกที่ลูกช้างนับพันเชือกยืนซ้อนกันเป็นเจดีย์ ห้องบรรทมชมเนื้อหินส่องประกายดุจเพชร หินบ่อน้ำมนต์รูปหัวช้าง และในถ้ำยังเป็นที่อยู่ของค้างคาวกิตติ ค้างคาวที่เล็กที่สุดในประเทศ ตลอดทางเดินลอดท้องช้าง 1,200 เมตร ได้ยินเสียงฮือฮาของเพื่อน ๆ ที่ตื่นเต้นไปกับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติไม่หยุด




 
           สิมิลันจ๋า…ฉันมาแล้ว

           หลังจากเป็นมนุษย์ถ้ำอยู่เกือบสองชั่วโมง เราไปต่อที่หมู่บ้านทับละมุในอำเภอท้ายเหมืองเพื่อนอนค้างสักคืน เพราะมีนัดกับบริษัททัวร์นำเที่ยวสิมิลันในวันรุ่งขึ้นที่นี่ ซึ่งอยู่ห่างจากเกาะสิมิลันแค่ 40 กิโลเมตร คืนค่ำที่ท้ายเหมืองจึงหมดไปกับการนั่งละเลียดชมทะเลยามเย็นในร้านอาหารสวัสดิการทหารเรือที่อยู่ใกล้กับศูนย์อนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลจุฬาภรณ์นั่นเอง



           ต่อรุ่งเช้าจึงออกเดินทางไปท่าเรือของบริษัททับละมุอันดามันทัวร์ เป็นท่าเรือขนาดใหญ่ที่แบ่งพื้นที่ครึ่งหนึ่งเป็นท่าขึ้นเรือประมงด้วย ระหว่างรอนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นมาจอยให้เต็มสปีดโบ๊ต เลยถือโอกาสเดินเตร่ ๆ ไปดูหนุ่มประมงผิวเข้มกำลังขึ้นปลา แถมยังโชว์ปลาสด ๆ ตัวใหญ่ให้ดูเป็นขวัญตาอีกต่างหาก…เมื่อสปีดโบ๊ตขนาด 800 แรงม้าพร้อม นักท่องเที่ยวกว่า 40 ชีวิตก็พร้อมที่จะออกสู่ทะเลอันดามัน


           บางู-ปายู-สิมิลัน…สวรรค์ของนักดำน้ำ เดิมทีอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลันมีทั้งหมด 9 เกาะ แต่ล่าสุดได้รวมเกาะบอนและเกาะตาชัยที่กำลังฮอตไว้ด้วยจึงเป็น 11 เกาะ จุดแรกที่เรือจอดลอยลำให้เราดำน้ำชมโลกใต้ทะเลอยู่ที่เกาะเก้าหรือเกาะบางูที่มีแนวปะการังสมบูรณ์ ขณะที่ไกด์กำลังอธิบายถึงความสำคัญของเกาะว่ามีบริเวณกองหินคริสต์มาสพอยต์เป็นที่อยู่ของปลาหลายชนิด และไม่ควรไปเดินเหยียบพื้นทรายเพราะเป็นที่วางไข่ของเต่า เจ้าความคิดถึงสิมิลันและทะเลอันดามันที่แบกมาก็เริ่มออกอาการกระดี๊กระด๊าพากันตั้งท่าสวยๆ กระโดดลงทะเลกันตูมใหญ่

           40 นาทีผ่านไปเรือพาเราไปดำน้ำต่อยังเกาะเจ็ดหรือเกาะปายูที่มีปลานีโมชุกชุม ดูปะการังอ่อนและกัลปังหารูปพัดหลากสี สักพักถึงเวลากินมื้อกลางวันกันบนเกาะแปดหรือเกาะสิมิลัน พี่ใหญ่ในบรรดาเกาะทั้งหมด มีหินรูปรองเท้าบู๊ตหรือหัวเป็ดโดนัลด์ดั๊กตรงทางเข้าเกาะ และมีหินรูปเรือใบเป็นจุดชมวิวบนสุดของเกาะ นักท่องเที่ยวจึงมักใช้เวลาหลังอาหารไปกับการขึ้นเขาดูวิวอ่าวรูปเกือกม้าที่โอบล้อมน้ำทะเลใสแจ๋วราวกระจก และช็อตเด็ดต้องถ่ายรูปกับหินเรือใบด้วยนะ


 

           สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้น่ารักแห่งเกาะเมียง

           เกาะสี่หรือเกาะเมียงคือจุดที่เราถูกปล่อยเกาะ…555 เพราะนี่คือที่พักของนักท่องสิมิลันและเป็นที่ตั้งสำนักงานของอุทยาน เกาะนี้มีสองหาดคือ หาดใหญ่กับหาดเล็ก เราใช้เวลาบนเกาะได้คุ้มกับความคิดถึงจริง ๆ เพราะหลังจากเล่นน้ำที่หน้าเกาะจนหนำใจแล้วก็เดินเล่นตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติไปหาดเล็ก ตกเย็นกลับมาถ่ายภาพตะวันตกทะเลที่หาดใหญ่อีกครั้ง มื้อเย็นแสนอร่อยพร้อม ๆ กับมียุงแม่ไก่มาร่วมวง (ตั้งชื่อให้ใหม่เพราะมันตัวใหญ่จริง 555) พอสองทุ่มร่วมกิจกรรมตามหาพระเอกประจำเกาะ เจ้าปูไก่ก้ามโตสีสวย มีปูภูเขากับปูเสฉวนตัวเขื่องออกมาโชว์ความน่ารักด้วย บางทีก็เจอเจ้าสามวาหรืองูเหลือมเจ้าถิ่นมาแย่งซีนเรียกความสนใจไปซะงั้น


           รุ่งเช้าก่อนฟ้าสางเดินผ่านป่าไปหาดเล็กอีกครั้งเพื่อรอรับตะวันใหม่ สาย ๆ เดินเล่นถ่ายรูปชาปีไหน นกน้อยประจำเกาะ ส่องกล้องดูค้างคาวแม่ไก่นอนห้อยหัวบนต้นไม้ ใครอยากไปดำน้ำดูเต่าทะเลก็มีเรือพาไปเกาะเจ็ด ส่วนเราขอเดินสำรวจป่าอีกด้านของเกาะที่มุ่งหน้าสู่หาดนุ้ย และเมื่อสปีดโบ๊ตเกยฝั่งอีกครั้งตอนบ่ายสาม เราก็พร้อมอำลาสิมิลัน…ไว้เจอกันใหม่นะ เจ้าปูไก่ เสฉวน ชาปีไหน ค้างคาวแม่ไก่ และเจ้าสามวา…บ๊าย-บาย


           การเดินทาง :

           จากกรุงเทพฯ ไปพังงาได้หลายวิธี หากไม่อยากเหนื่อยกับการขับรถไปเอง มีรถทัวร์ปรับอากาศที่สถานีขนส่งสายใต้ ใช้เวลาเดินทาง 10 ชั่วโมง สอบถามบริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. 0-2872-1777 หรือนั่งรถไฟไปสุราษฎร์ธานีแล้วต่อรถไปพังงาอีก 2 ชั่วโมง สอบถามการรถไฟฯ โทร. 1690 แต่เร็วที่สุดต้องเครื่องบินกรุงเทพฯ-ภูเก็ต มีหลายสายการบินให้บริการทั้งหลายสาย แล้วต่อรถไปพังงาระยะทาง 58 กิโลเมตร

           แวะเที่ยวถ้ำพุงช้าง ติดต่อหจก. ทองแท้ ซี แคนนู โทร. 076-264-320, 08-6683-6844

           จากทับละมุใช้เวลาเดินทางไปหมู่เกาะสิมิลัน 3-4 ชั่วโมง โดยมีหลายบริษัทที่ให้บริการสปีดโบ๊ตพร้อมแพ็กเกจทัวร์สิมิลัน เช่น บริษัททับละมุอันดามันทัวร์ โทร. 08-1894-4244 บริษัทเม็ดทรายทัวร์

            โทร. 076-443-276 บริษัทซีทราน ทราเวล

            โทร. 076-213-510



ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

Credit: http://travel.kapook.com/view58198.html
12 มี.ค. 56 เวลา 09:49 1,048 10
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...