อุกอาจ! โจ๋นับสิบสวมหมวกไหมพรมถือมีดบุกทำร้าย ผอ.โรงเรียนการบริบาล จ.บุรีรัมย์ ขณะกล่าวปฐมนิเทศนักศึกษา แต่โชคดี ผอ.หลบทัน ขณะที่คนร้ายถูก รปภ.ยิงสวนดับ 1 เจ็บ 2
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 11 มีนาคม ได้เกิดเหตุอุกอาจขึ้นในโรงเรียนการบริบาล จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อกลุ่มวัยรุ่นและชายฉกรรจ์ กว่า 10 คน สวมหมวกไหมพรมบังหน้า กรูกันลงมาจากรถกระบะอีซูซุ ดีแม็กซ์ สีบรอนซ์ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน และรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน บพ-2314 บุรีรัมย์โดยถืออาวุธครบมือ ทั้งมีดอีโต้ และมีดสปาต้า วิ่งเข้าไปจะทำร้ายนายวัชรพล ทองศิริ ผู้อำนวยการโรงเรียน ซึ่งกำลังทำพิธีปฐมนิเทศนักศึกษาอยู่ เนื่องจากเป็นวันเปิดทำการเรียนการสอนเป็นวันแรก โชคดีที่นายวัชรพล และกลุ่มนักศึกษาวิ่งเข้าไปหลบด้านในได้ทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ
อย่างไรก็ตาม เมื่อกลุ่มชายฉกรรจ์เห็นนายวัชรพลวิ่งหลบหนีไป ก็ได้พยายามจะตามเข้าไปทำร้าย แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำโรงเรียนยิงปืนขู่ ทำให้กลุ่มชายฉกรรจ์ตกใจรีบวิ่งกลับขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้สร้างความตกใจให้กับนักศึกษา และชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก
จากนั้น ทางโรงเรียนได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ โดยเจ้าหน้าที่พบหลักฐานอาวุธมีดของคนร้ายทิ้งไว้หน้าโรงเรียน 4 ด้าม และยังพบปลอกกระสุนปืน 9 มม. อีกหลายปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน ขณะที่กำลังอีกส่วนได้ออกติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ กระทั่งพบรถต้องสงสัยคันหนึ่งพาผู้บาดเจ็บที่ถูกอาวุธปืนยิงใส่มาส่งที่โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ เจ้าหน้าที่จึงรุดไปตรวจสอบ
ที่โรงพยาบาล เจ้าหน้าที่พบรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ ไทรทันพลัส สีขาว หมายเลขทะเบียน บพ-2314 บุรีรัมย์ จอดอยู่ ซึ่งเป็นรถคันเดียวกับที่ก่อเหตุหน้าโรงเรียน และพบคนที่นั่งอยู่กระบะท้ายรถได้รับบาดเจ็บจากการถูกปืนยิง 3 ราย จึงได้ส่งตัวให้แพทย์ทำการรักษา พร้อมกับควบคุมตัวไว้ แต่ภายหลัง 1 ใน 3 ของผู้ได้รับบาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้สอบปากคำนายวัชรพล ผู้อำนวยการโรงเรียนการบริบาล ซึ่ง นายวัชรพล คาดว่า เหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของคู่แข่ง ซึ่งเปิดโรงเรียนสอนหลักสูตรผู้ช่วยการพยาบาลในเขตพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เหมือนกัน เพราะเมื่อปีที่ผ่านมา ตนเองก็เคยถูกคนบุกเข้ามาใช้มีดฟันเข้าที่ใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บ เย็บกว่า 100 เข็ม มาแล้ว
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะเร่งสืบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ซึ่งในเวลาต่อมาก็มีรายงานด้วยว่า กลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุ 15-16 ปี บ้านเกิดอยู่ที่จังหวัดนครราชสีมา ได้ทยอยเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว