คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากให้ลูกของตัวเองกลายเป็นเด็ก ขี้โกหก แต่จะเป็นอย่างไรถ้าพ่อแม่นั่นแหละกลายเป็นคน ขี้โกหกเสียงเอง และนั้นก็อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ลูกโกหกตาม
จากการสำรวจและศึกษาที่ได้รับการตีพิมพ์ใน International Journal of Psychology ระบุว่าพ่อแม่ในประเทศอเมริกาและจีนเป็นพ่อแม่มีการโกหกลูกมากที่สุด และมักจะเป็นการโกหกในเรื่องที่คล้ายๆ กัน
เรื่องโกหกแรกที่พ่อแม่ในอเมริกาและจีนใช้กันบ่อยที่สุดคือ การโกหกว่าจะทิ้งลูกไว้คนเดียวถ้าลูกทำตัวไม่ดี ไม่เชื่อฟัง ซึ่งคำโกหกนี้มักจะเกิดขึ้นเสมอเมื่อพ่อแม่พาลูกออกไปนอกบ้าน และลูกๆ เกิดอาการงอแง ดื้อ ไม่เชื่อฟัง ซึ่งพ่อแม่ก็มักจะโกหกหรือขู่ว่าจะทิ้งไว้ในห้างคนเดียวบ้าง ในสวนสาธารณะคนเดียวบ้าง หรือแม้แต่การโกหกว่าถ้ายังไม่เชื่อฟังคำสั่งจะมีคนมาลักพาตัวไป
เรื่องโกหกที่ได้รับความนิยมอันดับสองคือ การโกหกว่าจะซื้อของเล่นให้แต่ไม่ซื้อ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วพ่อแม่ไม่มีความตั้งใจหรือไม่อยากซื้อของเล่นให้ลูก แต่ต้องโกหกลูกว่าจะซื้อให้เพื่อให้ลูกหยุดดื้อหรือหยุดร้อง ซึ่งทำให้ลูกเกิดการคาดหวัง รอคอย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ของเล่นจริงๆ
ผู้ทำการสำรวจและศึกษาทำการวิเคราะห์เพิ่มเติมในเรื่องนี้ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าการที่พ่อแม่โกหกเช่นนี้ทำให้จิตใจของลูกหรือเด็กๆ เกิดความไม่มั่นคง หวาดกลัว คาดหวัง และผิดหวังอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อเด็กต้องอยู่กับการโกหกขอพ่อแม่บ่อยๆ จะทำให้เขาเคยชินกับการรู้ว่าพูดไปก็ไม่จริง พูดไปก็ไม่ทำ และเข้าใจว่าโกหกไปก็ไม่เป็นไร ซึ่งนั่นทำให้เขาเริ่มที่จะโกหกบ้างและติดเป็นนิสัยได้อย่างแน่นอน
ผู้ทำการศึกษาเรื่องนี้ยังระบุว่าการโกหกของพ่อแม่มีหลายแบบ เช่น การโกหกเรื่องการกิน การโกหกเรื่องพฤติกรรม การโกหกเรื่องการใช้เงิน การโกหกเรื่องเหนือธรรมชาติ ซึ่งแม้บางครั้งจะใช้ปราบลูกให้หยุดดื้ออย่างได้ผลและทำให้ลูกเป็นเด็กดีได้จริง แต่ก็ยังมีเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่อาจจะเกิดอาการดังข้างต้นที่กล่าวมาเพราะรู้สึกมีความไม่มั่นคงต่อคำพูดของพ่อแม่
บ้านเราก็มีพ่อแม่ไม่น้อยนะคะที่ปราบดื้อลูกๆ ด้วยการโกหก แต่ลองเปลี่ยนวิธีกันบ้างนะคะ ลองพูดความจริง พูดชัด ทำตัวเป็นตัวอย่างให้ลูกดู หรือสอนด้วยนิทาน ด้วยกิจกรรมก็น่าจะได้ผลดีกว่าสอนด้วยการโกหกนะคะ