ในช่วงหลายปีให้หลังมานี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนได้พาประเทศตัวเองให้พัฒนารุดหน้าเพื่อก้าวขึ้นไปเทียบชั้นกับประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ให้จงได้ แต่เบื้องหลังของความเจริญเหล่านี้ กลับทิ้งไว้ซึ่งมลภาวะทางด้านต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นควันเสียจากโรงงาน น้ำปนเปื้อนสารเคมีจากท่อน้ำทิ้งที่ไม่ผ่านการบำบัด ดินปนเปื้อนสารพิษ ฯลฯ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านเป็นอย่างมาก ทั้งเรื่องสุขภาพ และอาการเจ็บป่วยที่คุกคามเนื่องจากสารพิษที่ปนเปื้อน แม้จะมีการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหากันมาเนิ่นนานแล้ว แต่กลับไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากทางการที่ทำตัวลอยอยู่เหนือปัญหาเสมอมา
ล่าสุด เว็บไซต์เทเลกราฟ ได้เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนได้ออกมายอมรับอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกว่า หลายพื้นที่ในประเทศกำลังประสบปัญหามลพิษ และมันคุกคามสุขภาพของประชาชนอย่างหนัก หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อเรียกว่า"หมู่บ้านมะเร็ง" ซึ่งบางหมู่บ้านประชาชนทยอยเจ็บป่วยและเสียชีวิตไปเกินครึ่งหมู่บ้านเลยทีเดียว
โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของจีน ได้ออกมายอมรับถึงปัญหาหมู่บ้านมะเร็งเป็นครั้งแรก พร้อมทั้งยอมรับจีนยังมีการใช้สารเคมีอันตรายที่ประเทศพัฒนาแล้วอื่น ๆ ห้ามใช้อยู่อีกด้วย
จากข้อมูลของกลุ่มกรีนพีซเอเชียตะวันออกในปี 2009 ระบุว่า ชาวจีนกว่า 320 ล้านคนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำสะอาดได้ และ 190 ล้านคนในจำนวนนั้นจำยอมต้องใช้น้ำที่มีสารพิษปนเปื้อนในการอุปโภคบริโภค
ตัวอย่างผลกระทบที่มลพิษจากสารเคมีนานาชนิดมีต่อชาวบ้านในหมู่บ้านมะเร็ง มีหลายต่อหลายกรณี แต่ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ผู้ทำงานด้านสาธารณสุขคงไม่พ้น หมู่บ้านหวงเจียวา ในมณฑลชานตง ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่มีผู้ป่วยโรคมะเร็งในช่องท้องมากที่สุดในโลก ซึ่งแหล่งน้ำในหมู่บ้านถูกปนเปื้อนด้วยสารพิษจากโรงงานหลอมอะลูมิเนียมที่อยู่ใกล้เคียง และนอกจากสารพิษจะปนเปื้อนลงในแหล่งน้ำแล้ว โรงงานก็ยังปล่อยควันพิษสู่อากาศอีกด้วย
ชาวบ้านรายหนึ่งกล่าวว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว น้ำในบ่อน้ำของหมู่บ้านนั้นยังสะอาดยิ่งกว่าน้ำประปาในปัจจุบันเสียอีก แต่เมื่อมีโรงงานผุดขึ้นมา น้ำที่เคยสะอาดก็ต้องปนเปื้อนไปด้วยสารพิษที่ถูกปล่อยจากโรงงานไปโดยปริยาย
ส่วนอีกรายคือนายหวัง อดีตชาวนาในหมู่บ้านมะเร็งในมณฑลเจียงซู ที่ปัจจุบันนอนพังพาบช่วยเหลือตัวเองได้ลำบากเพราะเพิ่งผ่านการผ่าตัดมะเร็งทางเดินอาหารมาไม่นาน ครอบครัวของนายหวังกล่าวว่าแหล่งน้ำ และดินในไร่นาของพวกเขาต่างมีสารพิษเจือปน ชาวบ้านจึงได้รับผลกระทบเต็ม ๆ จากการใช้น้ำ และการบริโภคพืชผักที่เก็บเกี่ยวได้
นอกจากนี้ยังมีหมู่บ้านมะเร็งอีกหนึ่งแห่งในมณฑลส่านซี ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็ก มีจำนวนผู้อาศัยเพียง 154 ราย โดยในปี 1974 พบชาวบ้านป่วยเป็นโรคมะเร็งเป็นครั้งแรก ทว่านับจากนั้นจนถึงปี 2001 ก็มีชาวบ้านถึง 36 รายเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และอีก 22 รายเสียชีวิตจากโรคหัวใจ และความเจ็บป่วยที่ส่งผลกระทบถึงสมอง เหลือเพียง 4 จาก 30 ครอบครัวที่ยังไม่มีใครป่วยด้วยโรคมะเร็งเลย ในขณะที่มี 4 ครอบครัวต้องสูญสิ้นไปเพราะสมาชิกทุกคนต่างป่วยเป็นมะเร็งกันหมด โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้พากันเจ็บป่วย และเสียชีวิต มาจากสารพิษจากโรงงานผลิตปุ๋ย และโรงงานโลหะที่อยู่ใกล้เคียง