"กาแฟขี้ชะมด" กาแฟที่แพงที่สุดในโลก

 

 

 

 

 

    "กาแฟขี้ชะมด" หรือ Kopi Luwak โคปิ ลูแว็ค เป็นกาแฟโรบัสต้าชนิดหนึ่ง และเป็นกาแฟแพงที่สุดในโลก เนื่องจากขบวนการผลิตอันยุ่งยาก แปลกประหลาด มีออกสู่ต้องตลาดประมาณปีละ 500 ปอนด์ต่อปี ทำให้มันมีราคาประมาณกิโลกรัมละ 41,000 บาท และสามารถผลิตได้เพียงไม่กี่แห่งบนโลกนี้


 

     ในศตวรรษที่ 18 เมื่อชาวดัทช์ยึดเกาะสุมาตรา และเกาะชวา เป็นอาณานิคม เรียกว่า Dutch East Indies พวกเขาได้ยึดเรือกสวนไร่นาเพื่อทำการเกษตรกรรมบนเกาะ ในช่วงราวปี ค.ศ. 1830-1870 หนึ่งในการ เกษตรบนเกาะก็คือไร่กาแฟ ซึ่งชาวดัทช์ได้ห้ามชาวนาและชาวพื้นเมืองเด็ดผลกาแฟสุกจากต้นไปใช้เอง แต่ชาวพื้นเมืองก็มีความต้องการที่จะดื่มกาแฟสด จึงได้พยายามหาวิธีลักลอบเด็ดผลกาแฟ

 


(ที่มา : coffeedd.com)
 

     จนกระทั่งต่อมา ชาวพื้นเมืองพบว่าสัตว์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ลูวะ" กินผลกาแฟและถ่ายมูลออกมาเป็นเมล็ดกาแฟเต็มเมล็ดโดยไม่ได้ย่อยสลาย พวกเขาจึงเก็บมูลเหล่านั้น ทำความสะอาด คั่ว และบดเพื่อนำมาทำเป็นกาแฟ และพบว่ามีรสชาติแปลกใหม่ ไม่มีความขม จึงเป็นที่นิยมในหมู่ชาวพื้นเมืองอย่างมาก ต่อมาชื่อเสียงของกาแฟชนิดนี้ก็ได้แพร่กระจายไปจนกระทั่งชาวดัทช์เองเสนอให้ราคาแก่ผู้ที่เก็บขี้ชะมดได้สูงมาก นั่นเป็นที่มาของกาแฟขี้ชะมด จะเห็นว่าด้วยความหายากและการผลิตที่ยากลำบาก "กาแฟขี้ชะมด" จึงมีราคาแพงมาก แม้แต่ในสมัยยุคล่าอาณานิคม และในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งประเทศที่ผลิตได้ก็มีดังต่อไปนี้
 

      ประเทศอินโดนีเซีย ที่เกาะสุมาตรา (Sumatra) , เกาะจาวา ( Java ) เกาะสุลาเวสี ( Sulawesi )     

      ประเทศฟิลิปปินส์ ( จะเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า Kape Alamid )

      ประเทศทิมอร์ ( จะเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า kafé-laku )

      ประเทศเวียดนาม ( จะเรียกกาแฟชนิดนี้ว่า weasel coffee )


 

ขบวนการผลิต โคปิ ลูแว็ค ( Kopi Luwak )  


 

1. ปลูกกาแฟในที่ที่มีสัตว์ที่เรียกว่า ชะมดสายพันธ์เอเซีย (Asia Palm Civet)แต่ชาวพื้นเมืองจะเรียกชะมด ชนิดนี้ว่า "ลูแว็ค"

2. เม็ดกาแฟสุกชะมดมากิน เม็ดกาแฟที่สุก

3. เมื่อชะมดกินเม็ดกาแฟเข้าไป กรดและเอนไซม์ในกระเพาะอาหารของชะมดทำปฏิกิริยาทางเคมี คล้ายกับการหมัก(Fermentation) 

4. รอชะมดถ่ายมูลออกมา แล้วตามเก็บ แต่สามารถรวบรวมได้ค่อนข้างง่าย เนื่องจากชะมดมีนิสัยขับถ่ายในสถานที่เดิมๆ เสมอ

5. นำมูลที่ได้มาเลือกเฉพาะเม็ดกาแฟ

6. นำเม็ดกาแฟที่ได้ไปตากให้แห้ง 

7. นำเม็ดกาแฟที่ตากแห้งดีแล้วมาคั่วจนแห้งสนิด เป็นอันจบขบวนการผลิต โคปิ ลูแว็ค
 


 

      แมสสิโม มาร์โคเน ยังค้นพบว่า กระบวนการย่อยอาหารของชะมด ต้องผ่านแบคทีเรียและ เอนไซม์ในท้องของชะมด เป็นกรรมวิธีเดียวกับการหมักกาแฟแบบหนึ่งที่เรียกว่า "การหมักเปียก" และยังใช้แบคทีเรียชนิดเดียวกันด้วย คือ แบคทีเรียแล็กติกเอซิด มาร์โคเนมั่นใจว่าการหมักกาแฟเปียกน่าจะให้ผลใกล้เคียงกับกาแฟที่ผ่านการย่อยในท้องของชะมดแต่ยังอยู่ในขั้นตอนการทดลองความพยายามเลียนแบบ โคปิ ลูแว็ค ( Kopi Luwak ) 

   แมสสิโม มาร์โคเน นักวิจัยแห่งมหาวิทยาลัยออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา ใช้เวลาสืบเสาะอยู่นานกว่าจะพบว่า ในป่าแห่งหนึ่งของประเทศเอธิโอเปีย มีชะมดกัดกินกาแฟ แต่จากการทดสอบรสชาติก็ยังด้อยกว่าของอินโดนิเซีย เนื่องจากเป็นชะมดต่างพันธุ์กัน

 

ทำไมกาแฟ โคปิ ลูแว็ค ( Kopi Luwak ) จึงอร่อย ??
 


 

1. ขบวนการย่อยอาหารของชะมด ทำให้โปรตีนในเมล็ดกาแฟแตกตัวเป็นโมเลกุลขนาดเล็ก เวลานำเมล็ดกาแฟชนิดนี้ไปคั่วบดจะมีกลิ่นหอมเป็นพิเศษ

2. ขบวนการย่อยอาหารของชะมด ทำให้โปรตีนบางชนิดในเม็ดกาแฟ ถูกสกัดออกเมื่อนำไปคั่วแล้ว กาแฟจะมีรสชาติขมน้อยลงนิดหน่อย

3. มันผลิตจากอึของชะมด



   แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบกาแฟ แล้วอยากลิ้มลองรสชาติของเจ้ากาแฟขี้ชะมด เจนัวร์ ขอกระซิบว่า ..เมืองไทยมีขายแล้วนะคร้า.. ที่ร้าน กาแฟดอยช้าง ถึงแม้ราคาค่อนข้างจะสูงสักนิด ขอบอกว่ารสชาติคุ้มค่ากับราคามาก ๆ เจนัวร์ คอนเฟิร์ม!! 


(ที่ม

7 มี.ค. 56 เวลา 13:06 4,713 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...