จากกรุงเทพฯ เรานั่งเครื่องบินจากสนามบินดอนเมืองบินตรงสู่สนามบิน จ.เลย
จากตัวเมืองเลย ประมาณครึ่งชั่วโมงเราก็เดินทางสู่ อำเภอภูเรือ
โดยที่แรกที่เรามาชมดอกไม้กันนั้นคือที่สวนลุงวุฒิ
ซึ่งเป็นสวนปลูกไม้เมืองหนาวขนาดใหญ่ของจังหวัดเลย
ที่สวนลุงวุฒินี้มีไม้เมืองหนาวมากมาย
คุณหยุ่น รำไพ เชยกลิ่นเทศ เจ้าของสวนลุงวุฒิ และเป็นทายาทของลุงวุฒิเล่าใฟ้เราฟังว่า
คุณพ่อ(ลุงวุฒิ เชยกลิ่นเทศ) อดีตประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกฟลาวเวอร์เซ็นเตอร์ จำกัด
เป็นคนกรุงเทพฯ แล้วอยากหาที่ปลูกบ้านพักตากอากาศที่ภูเรือ
และได้มีโอกาสพบกับศาสตราจารย์ระพี สาคริก ผู้ที่แนะนำให้ลุงวุฒิปลูกไม้เมืองหนาว
โดยเริ่มต้นจากสับปะรดสี
นับจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่จึงกลายเป็นแหล่งปลูกไม้เมืองหนาวแหล่งใหญ่ในประเทศไทย
มีทั้ง นอบิเร่ กุหลาบหิน และอาซาเลียหรือ "กุหลาบพันปี" และพันธุ์ไม้อีกมากมาย
และที่นี่ยังเป็นที่ทดลองปลูกดอกไพรีทรัม
ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากภูเขา ADRIATIC COASTAL MOUNTAINS
ของประเทศโครเอเชีย บอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา ถูกขนานนามโดยเหล่านักพฤกษศาสตร์ว่าเป็น
“ดอกไม้ของพระเจ้า” (Flower of God)
เพราะสรรพคุณของเจ้าดอกไม้น่ารักชนิดนี้คือการไล่แมลง
แต่ไม่ทำอันตรายต่อมนุษย์
ซึ่งในอดีตนั้นในประเทศไทยเคยมีการนำดอกไพรีทรัม
สายพันธุ์ญี่ปุ่น ชื่อ ชิรายูกิ มาทดลองปลูกที่ดอยอ่างขาง ในปี พ.ศ. 2516 – 2518
โดย โครงการหลวงพัฒนาภาคเหนือ ในพระบรมราชานุเคราะห์
ตามโครงการปลูกพืชทดแทนฝิ่นของโครงการหลวงพัฒนาภาคเหนือดอยอ่างขาง
แต่เพราะในขณะนั้นชื่อเสียงและความนิยมในสารสกัดจากดอกไพรีทรัมยังไม่เป็นที่แพร่หลาย
จึงทำให้โครงการดังกล่าวถูกระงับไป
ปัจจุบันจึงได้มีการทดลองปลูกดอกไม้ชนิดที่ที่สวนลุงวุฒิแห่งนี้
ผลที่ได้ค่อนข้างดีแม้ว่าจะกำลังเริ่มออกไม่กี่ดอก
แต่ในอนาคตถ้ามีการสนับสนุนด้านนี้จริงจังก็คิดว่าเราคงจะได้เห็นท้องทุ่งไพรีทรัม
ที่บานเต็มท้องทุ่งแน่ๆ
ใครสนใจจะมาเที่ยวที่นี่โทรศัพท์มาสอบถามเส้นทางได้ที่ 08-1907-8318
อ้อ! เขาเปิดให้ชมฟรีด้วยนะคะ
จากนั้นในยามค่ำคืนเราเดินทางมาพักที่นี่ค่ะ
โรงแรมแห่งใหม่กิ๊ก ชื่อ เดอพันตา
ห้องพักที่เรานอนในวันนี้ตกแต่งเรียบง่าย
ราคาคืนละ 1000 กว่าบาทเท่านั้น
มีระเบียงทุกห้องให้นั่งรับลมหนาว
ผ้าห่มอุ่นๆ หลับสบายไม่รู้เรือง
แต่ในตอนเช้าเรามีนัดขึ้นไปชมความงดงามของภูเรือกันตอนตี 5 ครึ่งค่ะ
เมื่อเครื่องกันหนาวต่างๆ ทั้งถุงมือ ผ้าพันคอ ถุงเท้า หมวกไหมพรมพร้อม
รถตู้ของเราก็ฝ่าความหนาวที่อุณหภูมิข้างนอกประมาณ 10 กว่าองศา
ใช้เวลาครึ่งชั่วโมงเพื่อขึ้นไปถึงจุดจอดรถของอุทยานแห่งชาติภูเรือ
จากจุดนั้นจะมีรถของอุทยานมารับเรา ค่ารถคนละ 10 บาทเพื่อขึ้นสุ่ยอดภูเรือ
ระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ใครอยากท้าทายความหนาวเดินขึ้นก็ทำได้
แต่เราขอชิลๆ นั่งรถขึ้นมารอคุณพระอาทิตย์บนยอดดีกว่า
คุณพระอาทิตย์ขี้อายวันนี้ขึ้นช้ามาก
แถมลมหนาวยังพัดพาให้หมอกหนีกระเจิงไปจนหมดเลยล่ะค่ะ
หลายคนถอดใจเดินลงกันไปแล้ว
แต่เราก็ยังคงตั้งหน้าตั้งตารอพระอาทิตย์ขี้อายดวงนั้นอยู่อย่างเชื่อมั่น
ไม่นานพระอาทิตย์ผู้ซื่อสัตย์และมั่นคงก็โผล่ออกมาจากกลีบเมฆ
ให้คนทีเชื่อมั่นอย่างเราได้เห็น
แม้จะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ แต่ก็มีความสุขมากเลยค่ะ
ที่เห็นพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดภูเรือแบบนี้
หลังจากเก็บภาพความสวยงามมาเต็มที่ก็เตรียมโบกมือลายอดภูเรือ
ไปสัมผัสความงดงามของที่เที่ยวด้านล่างบ้าง
ระหว่างที่ขับรถตู้ลงมาก็พบกับทุ่งสีแดงสด
ที่นี่คือลานต้นคริสต์มาส หรือต้น Poinsettia
ซึ่งตอนนี้เขากำลังจัดงาน เทศกาลต้นคริสต์มาสภูเรือ
จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 55 - 3 ม.ค. 56 ณ บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอภูเรือ
มีกังหันขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางทุ่ง
พอถ่ายรูปมาเหมือนอยู่เมืองนอกเลยล่ะค่ะ
สีแดงสดตัดกับท้องฟ้าสีคราม
ยิ่งช่วงที่เราไปคือตอนปลายเดือนธันวาคม
อากาศดีมากๆ
นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟสด ร้านขายของที่ระลึก
อยู่ด้านหน้าอีกด้วย
ใครอยากชิลก็สั่งกาแฟสดร้อนๆ ขนมปังปิ้งหอมๆ
แล้วนั่งดื่มด่ำกับบรรยากาศตรงหน้า
จากแดงเปลี่ยนมาเป็นเหลืองกันบ้าง
อ๊ะ !!! อย่าเพิ่งตีความเป็นอื่นนะคะ
เพราะที่เราจะพานั้นคือทุ่งดอกดาวเรือง สีเหลืองกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา
ตั้งอยู่ริมถนน ที่นี่เขาเป็นไร่ของชาวบ้านปลูกดอกดาวเรืองเพื่อจำหน่าย
และต่อมาเมื่อขยายไปมากขึ้นก็กลายเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม
จนมีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านมาก็ขอลงแวะเก็บภาพเอาไว้
ค่าเข้าเพียงคนละ 10 บาทเท่านัั้น
ถือว่าเป็นที่เที่ยวแห่งใหม่ที่สวยงามและเหมาะกับช่วงลมหนาวแบบนี้มากๆ
หนีสีเทาจากควันรถยนต์ของเมืองกรุง
มาสัมผัสสีสันของพันธุ์ไม้
และความหนาวเย็นของภูเรือ จ.เลย
ใครเบื่อคนเยอะช่วงปีใหม่ก็ลองเดินทางมาช่วงหลังปีใหม่กันดูนะคะ
ยังพอมีเวลาให้สัมผัสความหนาวเย็นก่อนที่ไอร้อนจะกลับมาอีกครั้ง